เกาะสวรรค์ด้านมืด : ข้อมูลดิบจากฝรั่งที่เคยอาศัยบนเกาะเต่า ต่อกรณีการฆาตกรรมโหดสองหนุ่มสาวชาวอังกฤษ
คดีฆาตกรรมสองนักท่องเที่ยวแบ็คแพ็คบนเกาะเต่าทำให้ด้านมืดของประเทศไทยตก เป็นเป้าสนใจจากนานาชาติไปโดยไม่ต้องการ อันรวมถึงการใช้อิทธิพลของครอบครัวมาเฟียบนเกาะต่างๆ ในอ่าวไทย อาทิ เกาะพงัน เกาะเต่า และเกาะสมุยจากการที่เคยอาศัยอยู่บนเกาะเต่าและเกาะพงัน ผมมีความรู้ลึก (แต่ก็อ้างไม่ได้ว่ารู้หมด) ต่อความเป็นไปต่างๆ พอควรที่จะบอกได้ว่ามันเกิดอะไรขึ้น มากกว่าที่สื่อนานาชาติพยายามจะอธิบายต่อชาวโลก ดังเช่นว่าอะไรทั้งหลายแหล่ที่เกิดขึ้นในประเทศไทยนั้น มันมักดูยุ่งยากซับซ้อนกว่าที่ปรากฏในเบื้องต้นอยู่เสมอ
มาดูประวัติเกาะเต่ากันหน่อย
ส่วนใหญ่ในความเป็นมาของเกาะเต่าไม่มีอะไรเหมือนที่เป็นอยู่ขณะนี้มากนัก มันเป็นจุดพักเรือของชาวประมงมาเลย์มานานหลายศตวรรษ เนื่องจากที่ตั้งอันห่างไกลโพ้นในอ่าวไทย ในยุคศตวรรษที่ ๑๘ อาจมีหมู่บ้านตั้งอยู่สักสองแห่ง จนเมื่อราวปี ค.ศ. ๑๘๙๐ กว่าๆ สมเด็จพระพุทธเจ้าหลวงได้เสด็จพระราชดำเนินเกาะนี้ ดังมีอนุสาวรีย์ของพระองค์ตั้งอยู่บนหาดทรายรี เกาะนี้สงบเงียบต่อมาเป็นเวลาหลายสิบปี มีแต่ครอบครัวชาวประมงและชาวไร่อาศัยอยู่บ้าง ไม่มีอย่างอื่นนอกจากนี้หลังการเปลี่ยนแปลงการปกครองในปี พ.ศ. ๒๔๗๕ ประเทศเปลี่ยนจากสมบูรณายาสิทธิราชไปสู่ราชาธิปไตยใต้รัฐธรรมนูญ (หรือเรียกว่าระบอบรัฐธรรมนูญอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขละมัง) เกาะเต่าถูกใช้เป็นสถานที่จองจำทางการเมืองในลักษณะเดียวกับเกาะตะรุเตาทาง ตอนใต้ ในปี พ.ศ. ๒๔๙๐ พวกนักโทษที่นั่นได้รับพระราชทานอภัยโทษแล้วส่งออกไปอยู่ตามเกาะต่างๆ ในละแวกนั้น ได้แก่เกาะพงันและเกาะสมุย เกาะเต่าจึงกลายเป็นเกาะร้างอีกครั้ง
ตำนานเล่าว่ามีพี่น้องสองคนเดินเรือมาที่เกาะนี้แล้วลงหลักปักฐานอาศัยอยู่ ตรงพื้นที่เรียกว่าทรายรีปัจจุบัน เขาใช้ชีวิตกันอย่างเรียบง่ายจับปลาหากินและทำการเพาะปลูกเลี้ยงชีพ มีการค้าขายบ้างเล็กน้อยกับผู้ที่อยู่อาศัยบนเกาะพงัน
เมื่อเกิดสงครามเวียตนามทำให้กิจการท่องเที่ยวในประเทศไทยบูมขึ้นมากมายใน ช่วงทศวรรษ ๑๙๖๐ ถึง ๑๙๗๐ ด้วยผลพวงจากทหารจีไอและโครงการอาร์แอนด์อาร์ (Rest and Relax) พวกนักเดินทางสะพายย่าม (Backpackers) เริ่มแห่กันเข้าไปสู่อ่าวไทย มีรายการท่องเที่ยวดำน้ำออกจากเกาะสมุยและเกาะพงัน งานรื่นเริง‘ฟูลมูนพาร์ตี้’ ที่เลื่องชื่อเริ่มขึ้นครั้งแรกที่เกาะพงันในปลายยุคทศวรรษ ๑๙๘๐ นับแต่นั้นมาการท่องเที่ยวบนเกาะเต่าขยายตัวขึ้นเรื่อยๆ พร้อมไปกับการพัฒนาสิ่งก่อสร้าง เริ่มจากร้านรวงตั้งเป็นเพิงง่ายๆ ขายของ กับซุ้มเล็กๆ สำหรับพวกนักดำน้ำ มาสู่บาร์เหล้า รีสอร์ท และธุรกิจอื่นที่ไม่เกี่ยวกับกีฬาดำน้ำโดยตรงอีกหลากหลาย
บริษัทเรือเฟอรี่ขนาดใหญ่เช่น ลมพระยา ซีทราน และส่งเสริม เริ่มเปิดบริการจัดรถบัสออกจากกรุงเทพฯ รับส่งผู้คนไปสู่เกาะ สำหรับการกีฬาดำน้ำที่ได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วบนเกาะเต่า พื้นที่สองแห่งมีการพัฒนาตามมาอย่างกระชั้นชิดเช่นกันทั้งในบริเวณหาดทรายรี (ซึ่งเดี๋ยวนี้เต็มไปด้วยไน้ท์คลับ รีสอร์ท และสถานดำน้ำ) กับแถบโฉลกบ้านเก่า ท้องที่ไม่อึกทึกอีกด้านหนึ่งซึ่งคนท้องที่อยู่อาศัยกัน เช่นเดียวกับบริเวณท่าเทียบเรือแม่หาด
โครงสร้างอำนาจบนเกาะ
เหมือนดังภาพลักษณ์ของเมือง หมู่บ้าน หรือเกาะทั้งหลาย ที่ครอบคลุมด้วยระบบจ้าวพ่อชนิดที่ในโลกตะวันตกเรียกว่า ‘มาเฟีย’ อย่างไรก็ดี เนื่องจากสถานที่ตั้งอยู่ห่างไกลบวกกับภูมิหลังของเกาะ ทำให้มีความซับซ้อนมากกว่าที่คาดคิดจากการอาศัยอยู่บนเกาะเป็นเวลาพอควร หรือได้คุยกับคนที่อยู่ในท้องที่มานาน ในสถานการณ์ปกติเขาจะเล่าถึง ๕ ตระกูลที่ลงหลักปักฐานอยู่บนพื้นที่แห่งนี้ สามตระกูลในนี้ควบคุมเหนือพื้นที่หาดทรายรี อีกสองตระกูลมีอิทธิพลอยู่ทางหาดโฉลกอีกด้านหนึ่งของเกาะ ตระกูลเหล่านี้สืบเชื้อสายจากพวกร่อนเร่ที่ขึ้นไปบนเกาะตั้งแต่ยุค ค.ศ. ๑๙๔๐ ถึง ๑๙๘๐ ก่อนที่กิจการดำน้ำท่องเที่ยวจะเข้าไป แม้นว่าพวกเขาจะไม่ใช่เจ้าของที่ดิน (ในทางเท็คนิคที่ดินทั้งหมดบนเกาะเป็นของพระมหากษัตริย์ภายใต้การดูแลของกรม ทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง) แต่ก็มีสิทธิในฐานะผู้บุกเบิกถือครองในอันที่จะเรียกเก็บค่าเช่าและจัดสร้าง ธุรกิจขึ้นในเส้นทางของตนได้ ค่าเช่าเล็กน้อยจ่ายให้แก่สำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ในอัตราต่อ ไร่ (มาตราวัดพื้นที่ของไทยอย่างหนึ่ง)
ครอบครัวเหล่านี้ควบคุมหรือมีผลประโยชน์อยู่กับธุรกิจเกือบทุกอย่างบนเกาะใน ทางใดทางหนึ่งสุดแท้แต่จะเป็นรูปแบบหรือขนาดใด อาจจะเป็นเจ้าของโดยตรง เป็นหุ้นส่วนนอมินี่ เป็นเจ้าของที่ หรือเป็นผู้อำนวยวัตถุดิบและอุปกรณ์รายหลักของเกาะ ไม่มีธุรกิจใดๆ บนเกาะ ไม่ว่าไทยหรือฝรั่งตั้งอยู่ได้โดยไม่มีสายใยกับการครอบคลุม คุ้มครอง และเชื่อมยึดจากครอบครัวเก่าแก่ของเกาะตระกูลใดตระกูลหนึ่ง
ตระกูลเหล่านี้จะตีวงล้อมปกป้องทรัพย์สินของตนอย่างโจ่งแจ้ง อะไรที่สามารถทำได้บนหาดแห่งหนึ่งอาจถือว่าเป็นพฤติกรรมไม่เหมาะสมก็ได้ใน อีกท้องที่หนึ่ง คนเก่าแก่อาจได้รับการปกป้องอย่างดีในบาร์แห่งหนึ่ง แต่จะไม่คิดที่จะเข้าไปยังอีกแห่ง เนื่องจากความสัมพันธ์ทางธุรกิจ มิตรภาพ และอื่นๆ ที่คนในสถานที่นั้นมีกับตระกูลอิทธิพลบนเกาะ
ครอบครัวแบบไทยๆ ดั้งเดิมเหล่านี้มักจะอิจฉาริษยาซึ่งกันและกัน และมักแก่งแย่งช่วงชิงทางธุรกิจอย่างหนักหน่วงเพื่อเงินดอลลาร์ของนักท่อง เที่ยว มีเรื่องเล่ามากมายบนเกาะถึงความตึงเครียดที่ครอบครัวหนึ่งคิดว่าพวกตนถูก หักหาญจากอีกครอบครัวหนึ่งในทางใดก็ตาม ส่วนมากมักเกี่ยวโยงกับความขัดแย้งแต่เพียงเล็กน้อยเรื่องเงินทอง
แหล่งอำนาจอิทธิพลบนเกาะอีกส่วนหนึ่งอยู่กับพวกตำรวจซึ่งมีที่ทำการอยู่ใน อาคารหลังโรงเรียนและวัดบนท้องที่แม่หาดสุดทางด้านหนึ่งของหาดทรายรี การเรียกพวกนี้ว่าผู้บังคับใช้กฏหมายนั้นถือว่าให้เกียรติอย่างยิ่ง เพราะพวกเขาปฏิบัติการเยี่ยงองค์กรมาเฟียเสียมากกว่า (จะเรียกว่าเป็นครอบครัวที่หกก็ได้)
งานพิทักษ์สันติราษฎร์ของพวกเขาคือวันๆ ขับรถสกู๊ตเตอร์ไปรอบๆ เกาะเที่ยวเก็บส่วยมาจากกิจการค้าขายในท้องที่แล้วเอาไปใช้ดื่มกินหาความ สำราญกันในตอนค่ำ ควรจะบันทึกไว้ในที่นี้ด้วยว่าตำรวจในประเทศไทยเขาซื้อขายตำแหน่งกัน การจะได้เป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจระดับสูงในท้องที่ท่องเที่ยวนั่นต้องเสียเงิน เสียทอง เพราะคนไทยคิดว่าการได้เป็นหัวหน้าใหญ่คือโอกาสทองทางธุรกิจ ถามคนท้องที่ได้เลยว่าราคาสำหรับการเป็นผู้บังคับการตำรวจท้องที่พัทยา ภูเก็ต และสมุยน่ะเท่าไร พื้นที่ท่องเที่ยวเหล่านี้จะมีรายได้พิเศษมหาศาลจากการเก็บเกี่ยวเอากับ กิจการธุรกิจ
“ถ้าหากมีมาเฟียในท้องที่จริง พวกเจ้าหน้าที่และตำรวจสืบสวนจะต้องแจ้งให้ผมทราบแล้วละ” เป็นคำกล่าวว่าไว้โดย พล.ต.อ.สมยศ (พุ่มพันธ์ม่วง)
บาโรมิเตอร์วัดคอรัปชั่นโลกปี ๒๕๕๐ ขององค์การโปร่งใสนานาชาติ อันมาจากการสำรวจความเห็นของคนใน ๖๐ ประเทศต่อปัญหาการคอรัปชั่น รายงานว่า สำหรับประเทศไทย ตำรวจได้รับคะแนนถึง ๔ จาก ๕ โดยที่ ๑ คะแนนหมายถึงคอรัปชั่นน้อยที่สุด และ ๕ คะแนนเป็นคอรัปชั่นขั้นร้ายแรง - ข้อมูลวิกิพีเดีย
ยาเสพติดบนเกาะ
ยาเสพติดเป็นสิ่งปกติและหาได้ง่ายบนเกาะ และก็เหมือนสิ่งอื่นๆ ทั้งหลายบนเกาะนี้ที่มีครอบครัวตำรวจเข้าไปเอี่ยวด้วย ตอนข้าพเจ้าอยู่ที่นั่นได้เห็นคนใช้ยาเสพติดกันอย่างแพร่หลาย กัญชา แอลเอสดี ยาบ้า (ชื่อในภาษาไทย อันเป็นส่วนผสมของเมตาฟีตามีนกับคาเฟอีน) และแปลกมากที่มีโคเคนด้วย โคเคนเป็นยาเสพติดที่เจ้าของบาร์บนหาดทรายรีใช้กันมากเมื่อตอนผมไปอยู่ที่ เกาะเต่าช่วงนักท่องเที่ยวน้อย มันทำให้เกิดอาการหุนหันชนิดคาดเดาไม่ได้เลย ผู้เสพจะได้แรงกระตุ้นขึ้นสูงสุดและลงต่ำสุดทันควัน จนอาจก่ออันตรายร้ายแรงได้ในชั่วพริบตาคนที่อยู่มานานจะรู้ดีว่าสภาพการติดยาบนเกาะมีมากขนาดไหน ไม่ว่าเขาจะเป็นผู้เสพเองหรือว่าทำเป็นไม่รู้ไม่เห็น คราใดเมื่อตำรวจเริ่มจะขาดแคลนเงินสด ก็มีการตั้งด่านตรงทางไปอ่าวลึกและทางเข้าบ้านทรายรีตอนเหนือ ตรงนี้เป็นที่ซึ่งคนต่างชาติหน้าใหม่มักถูกจับฐานมีกัญชาในครอบครองนิดหน่อย บ้างถูกตรวจปัสสาวะหาสารเสพติด จุดหมายของตำรวจไม่ใช่การจับกุมเพื่อดำเนินคดีกับคนต่างชาติในข้อหามียาเสพ ติดในครอบครอง แต่ต้องการใช้ข้อหาทางอาญาข่มขู่ให้สยบต่อการตบเงินตามมา
เมื่อพบปริมาณยาเสพติดมากพอก็จะมีการตั้งข้อหาทางอาญา แล้วให้มีการประกันตัวออกไป จากนั้นทนายจะเป็นผู้จัดการประสานเรื่องการจ่ายค่าปรับจำนวนสูงเพื่อให้หลุด จากข้อหา ทุกคนที่เกี่ยวข้องกับคดีจะได้รับส่วนแบ่งของตนไป ตอนผมอยู่ที่นั่นได้เห็นด้วยตนเองว่านักธุรกิจไทยในท้องที่คนหนึ่งขู่จะเอา ยาเสพติดยัดใต้เบาะรถจักรยานยนตร์แล้วเรียกตำรวจมาจับกุมฝรั่งคนหนึ่งที่ถูก หาว่าไปกล่าวร้ายเขา
โกงค่าเช่าจักรยายยนตร์
วิธีการโกงที่เลวร้ายอย่างหนึ่งบนเกาะเต่า (เช่นเดียวกับเกาะอื่นๆ ในอ่าว) เกี่ยวข้องกับการเช่าใช้จักรยานยนตร์ของนักท่องเที่ยว ชาวต่างชาติ ซึ่งผู้เช่าจะต้องวางพาสปอร์ตของตนไว้กับเจ้าของจักรยานเป็นหลักประกัน แต่การยึดพาสปอร์ตเป็นหลักประกันนั้นผิดกฏหมายในประเทศไทย แม้ในบางประเทศมีกฏหมายเอาผิดที่เจ้าของพาสปอร์ตนำไปใช้เป็นหลักประกันด้วย แต่กระนั้นนักท่องเที่ยวจำนวนมากก็ยอมทำกัน จะเป็นด้วยรู้เท่าไม่ถึงการก็สุดแท้แต่จักรยานที่ส่งคืนโดยมีรอยชำรุด จะมากน้อยอย่างไร ความเสียหายจากรอยบุบแตกอาจจะเพียง ๓๐๐ บาท ผู้เช่าก็ต้องจ่ายให้แก่เจ้าของในอัตรา ๓ พันถึง ๑ หมื่นบาท ไม่ว่าจะเป็นผลของการดื่มสุรามากไป สภาพถนนเลวร้าย คนขับแท็กซี่บ้าบอปาดเอา แสงไฟบนหนทางไม่เพียงพอในยามค่ำคืน ล้วนทำให้เกิดอุบัติเหตุในการใช้มอเตอร์ไบ๊ค์ทั้งสิ้น
นักท่องเที่ยวมักจะตื่นตระหนกเมื่อเกิดการชน และรีบร้อนเกรงจะพลาดเรือเฟอรี่ จึงตกเป็นเหยื่อเจ้าของกิจการให้เช่าจักรยานใช้อำนาจกำหนดค่าเสียหายได้ตาม ใจ ใครขืนเถียงกับเจ้าของร้านเช่าอาจถูกข่มเหงทางกายได้ มีตัวอย่างรายงานเหตุการณ์โดยทริปแอ๊ดไว้เซอร์ว่าถูกเจ้าของร้านแห่งหนึ่ง ชักปืนขู่เอาด้วย
เกาะเต่ายังคงให้เช่ารถเอทีวีสี่ล้อซึ่งมีอันตรายในการขับขี่สำหรับนักท่อง เที่ยวที่ไม่มีประสพการณ์ ทั้งที่ตามเกาะอื่นๆ ในอ่าวเลิกให้เช่ากันไปแล้วเนื่องจากสถิติอุบัติเหตุที่เพิ่มขึ้น จักรยานยนตร์เหล่านี้ไม่มีประกันภัย (แม้จะโฆษณาว่ามีก็ตาม) ผู้เช่าขี่ที่ใช้ใบอนุญาติขับขี่นานาชาติ รวมทั้งใบขับขี่จักรยานยนตร์ ก็ไม่ได้รับการคุ้มครองโดยประกันภัย
กับที่บนเกาะอื่นๆ อาจได้รับลดหย่อนค่าเสียหายถ้ามีตำรวจเข้าไปไกล่เกลี่ย แต่ว่าตำรวจก็จำต้องได้ส่วนตัดของตนเหมือนกัน
อาชญากรรมร้ายแรงบนเกาะ
โดยทั่วไปแล้วบนเกาะปลอดภัยไม่น้อยทีเดียว เหตุผลส่วนหนึ่งเป็นเรื่องตลกร้ายที่พวกครอบครัวอิทธิพลและจ้าวพ่อท้องถิ่น มีส่วนทำให้เกิดความสงบขึ้นได้เหมือนกัน เท่าที่ผมทราบมีเหตุการณ์ร้ายสองสามครั้งเกิดขึ้นบนเกาะ- เจ้าของบาร์รายหนึ่งถูกยิงตายบนหาดทรายรี ตอนกลางคืนในที่สาธารณะต่อหน้าผู้คนจำนวนมาก เนื่องจากความขัดแย้งกันเรื่องธุรกิจ บาร์แห่งนั้นมีเจ้าของใหม่ที่ไม่เกี่ยวข้องเข้าไปดำเนินการและเปลี่ยนชื่อ แล้ว ไม่มีใครถูกจับกุมจากเหตุยิงกันตายครั้งนี้ ผู้ต้องหาเป็นคนยิงก็ยังเปิดกิจการบาร์อยู่อีกด้านหนึ่งของเกาะ
- ราวปี ๒๕๔๕ นักธุรกิจผู้มีอิทธิพลมากคนหนึ่งของเกาะ เป็นน้องชายเจ้าของกิจการโรงเรียนดำน้ำใหญ่ (บ้านดำน้ำ โรงเรียนสอนดำน้ำใหญ่ที่สุดในโลก) ถูกยิงตายกลางย่านทรายรีจากกรณีพิพาทในครอบครัว นี่เป็นสถานที่ใกล้เคียงกับร้านที่ สก็อต ฌอน แม็คเอ็นน่า เข้าไปซ่อนตัวจากชายไทยสองคนที่ตามล่าเขาในการข่มขู่หลังเกิดการฆ่าสาวหนุ่ม ชาวอังกฤษอนาถ
เหตุยิงกันตายครั้งนี้เช่นกันไม่มีการจับกุมใดๆ ทั้งที่คนท้องที่หลายคนบอกว่ารู้ตัวคนยิงดี เหตุการณ์ผ่านมาแล้วหกปีดูเหมือนว่าศพผู้ตายยังอยู่ในห้องเย็นรอวันทำพิธี เผา มีรายงานเรื่องนี้ในบางกอกโพสต์ แต่ว่าขณะนี้ไม่สามารถเปิดอ่านได้แล้ว
(ขอเว้นรายละเอียดข่าวจากบางกอกโพสต์)
- คนขับแท็กซี่แทงแท็กซี่ด้วยกันตายกลางวันแสกที่แม่หาดหลังจากที่ฝ่ายหนึ่ง ถูกหาว่าแย่งผู้โดยสาร ไม่มีการจับกุมคนร้าย กิจการแท็กซี่ที่นี่ควบคุมโดยสองครอบครัวอิทธิพลของเกาะ ที่ไม่ยอมให้มีมอเตอร์ไซค์รับจ้าง รวมทั้งไม่มีใครกล้าเปิดกิจการแข่งขัน ค่าแท็กซี่ที่นี่จึงแพงหูฉี่
- ยังมีเรื่องเล่ามากมายว่าบาร์หลายแห่งถูกเผาเหลือแต่ซากจากความอิจฉาของคู่ แข่ง หรือเจ้าของที่ไม่พอใจ งานเลี้ยงถูกเอาปืนจี้สั่งยุติโดยเจ้าของร้านคู่แข่งที่ไม่มีลูกค้า เจ้าของกิจการบางคนถูกชักปืนไล่ให้ออกไปจากเกาะดื้อๆ
ยังมีเรื่องทะเลาะระหว่างคนไทยด้วยกันโดยเหตุชู้สาว ชายที่ไปยุ่งกับเมียคนอื่นถูกควักปืนไล่ยิง เหล่านี้มักเกิดในบริเวณห่างออกไปจากย่านรีสอร์ท
ในขอบข่ายของการฆาตกรรมล่าสุด
ตลอดสองสามวันที่ผ่านมาปรากฏรายละเอียดเรื่องราวที่ซับซ้อนซ่อนเงื่อนออกมามากมาย๑. นักท่องเที่ยวคู่ชายหญิงสองคนถูกฆ่าตายบนหาดหน้าบาร์ที่เจ้าของเป็น ‘ผู้ใหญ่’ ของเกาะคนหนึ่ง โดยใช้เครื่องมือที่ไม่ใช่ของนักธุรกิจไทยหรือคนงานพม่าเป็นอาวุธ
๒. ตำรวจท้องที่ให้สัมภาษณ์ว่าคนไทยไม่ทำอย่างนี้แน่ (ทั้งที่มีนักโทษในคุกเพราะคดีแบบเดียวกันมากมายจากการพิพาทระหว่างไทยกับ ไทย) แล้วพยายามที่จะป้ายโทษให้กับเพื่อนสนิทของผู้ตายและคนงานพม่า
๓. พนักงานตำรวจลงภาพของผู้ตายบนหน้าเฟชบุ๊ค ปรากฏภาพของคนที่ถูกสงสัยว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับการฆาตกรรมไปเดินยุ่มย่ามใน บริเวณที่เกิดเหตุ อันอาจทำให้หลักฐานเสียไป
๔. สื่อปล่อยเนื้อหาเกี่ยวกับคดีออกมา พร้อมทั้งชี้ช่องไปในทางกล่าวหาเพื่อนของผู้ตาย อ้างว่าเขาเป็นคนรักร่วมเพศของผู้ตายฝ่ายชาย และยังเขียนข่าวกล่าวร้ายต่างๆ นานา ขณะที่ตำรวจก็นำกางเกงเปื้อนเลือดของผู้ตายไปใส่ในกระเป๋าหิ้วปรักปรำเขา
๕. นายกรัฐมนตรีเข้ามาจัดการบ้าง ด้วยการกล่าวอ้างผู้ตายฝ่ายหญิงเป็นคนสวยนุ่งบิกินี่ล่อแหลม ทั้งที่การฆาตกรรมเกิดในยามค่ำคืน และวิดีโอจากงานปาร์ตี้ก่อนเกิดเหตุแสดงว่าเธอนุ่งห่มมิดชิดรัดกุม
๖. ผู้อาศัยบนเกาะมาเป็นเวลานานคนหนึ่ง (สก็อต แม็คเอ็นน่า) ซึ่งเป็นเพื่อนของเหยื่อสังหารเพศชาย กล่าวหาครอบครัวท้องถิ่นรายหนึ่งว่ามี ส่วนพัวพันในการฆาตกรรม (เขาไม่ได้บอกว่าเป็นผู้ลงมือกระทำ) แล้วขู่จะจับเขาแขวนคอ หมายใช้ตัวเขาเป็นแพะรับบาป เขานำเรื่องลงในโซเชียลมีเดียหมายใจให้แชร์กันออกไปอย่างกว้างขวางด้วยการ บอกว่า ถ้าพบว่าเขาต้องตายในคืนนั้นละก็ คนเหล่านี้แหละที่เป็นผู้ลงมือ ชายไทยที่ถูกอ้างยอมรับอย่างเปิดเผยว่าได้พูดกับสก็อต และข่มขู่เขาจริง แต่เนื่องจากเขามีฐานะเป็น‘ผู้ใหญ่’ ของเกาะ อีกทั้งเป็นเพื่อนกับตำรวจ จึงหลุดคดีไปโดยง่าย แถมไม่ต้องถูกตรวจดีเอ็นเออีกด้วย
๗. ตำรวจยังคงทำการสอบสวนอย่างมั่วซั่วต่อไป รวมทั้งจำลองเหตุการณ์ในเวลากลางคืน มีการวัดขนาดรอยเท้าหญิงชาวพม่า กับนำปัสสาวะชายพม่าไปตรวจ
๘. มีการดำเนินการต่างๆ ในทางลับ แล้วผู้ที่ถูกตั้งข้อสงสัยโดยชาวตะวันตกถูกนำตัวไปสถานีตำรวจ แต่พวกนี้ก็ปฏิเสธไม่ยอมรับการตรวจดีเอ็นเออยู่ดี
๙. พวกญาติของคนที่ฌอนกล่าวหาว่าขู่ฆ่าเขาพากันเข้ากรุงเทพฯ สื่อไทยอาจรายงานว่าเป็นผู้ต้องหา แต่ตำรวจท้องที่แย้งว่าไม่ใช่ เขาแค่ไปมหาวิทยาลัย นี่เกิดขึ้นเมื่อควรที่จะห้ามคนเข้าออกจากเกาะ
๑๐. มีข้อความลงไว้ตามหน้าเฟชบุ๊คเตือนคนต่างชาติไม่ให้เล่าเรื่องราวใดๆ กับสื่อ หรือพูดกับคนภายนอกโดยไม่ได้รับอนุญาติจากครอบครัวชาวเกาะ การแสดงความคิดเห็นถูกลบหรือเซ็นเซอร์ ดูเหมือนจะมีกำแพงแห่งความเงียบโผล่ขึ้นมาไม่ว่าเพื่อความปลอดภัยส่วนตัว หรือไม่ก็เพื่อปกป้องผลประโยชน์
๑๑. มีรายละเอียดเรื่องราวผุดขึ้นในหน้าเว็บต่างๆ ดังเช่นThaivisa.com เพื่อลบล้างความเห็นต่างๆ เกี่ยวกับฆาตกรรม และโจมตีต่อความน่าเชื่อถือของพยานรู้เห็นคนเดียวที่เหลืออยู่
๑๒.ปรากฏว่าประวัติของพยานเบื้องหลังครั้งอยู่ในยุโรปไม่ค่อยจะดูดีเท่าไรนัก ตามที่มีรายงานในหนังสือพิมพ์ของสก็อตแลนด์
๑๓. ครอบครัวที่ถูกกล่าวหาหลุดคดีได้โดยการตรวจดีเอ็นเอซึ่งใช้เวลานานอย่างเป็น ประวัติการณ์ (ต้องคำนึงถึงว่าใช้เวลาสามชั่วโมงในการนั่งเรือไปเกาะเต่า แล้วอีก ๙ ชั่วโมงขับรถเข้ากรุงเทพฯ ยังสถานที่ตั้งสำนักนิติเวชวิทยา ไม่เช่นนั้นต้องนั่งเรือสามชั่วโมงไปเกาะสมุย กับหนึ่งชั่วโมงโดยเครื่องบินเข้ากรุงเทพฯ นี่เป็นเวลาไม่รวมถึงที่ใช้ในกรรมวิธีตรวจดีเอ็นเอจริงๆ
ถึงจุดนี้ยังไม่มีอะไรชัดเจนว่าเหตุการณ์ฆาตกรรมเป็นอย่างไร ซึ่งโดยทั่วไปแล้วพูดได้ว่าที่ไหนมีควันที่นั่นก็ต้องมีไฟ ผมเองไม่รู้หรอกว่าเกิดอะไรขึ้นในคืนนั้นเพราะผมอยู่ไกลในอีกซีกโลกหนึ่ง แต่จากประสพการณ์ที่ผ่านพบมาบนเกาะเต่า ผมมีเหตุสงสัยอย่างแรงกล้าว่าครอบครัวเจ้าที่กับตำรวจในท้องถิ่นต้องการที่ จะล้มการสอบสวนคดี พยายามปกปิดข้อเท็จจริง และเบี่ยงเบนความสนใจของสื่อนานาชาติ แล้วก็จะมีการจับแพะชาวพม่าขึ้น ตำรวจเกือบจะยอมรับเช่นนี้ออกมาแล้ว
“โปรดให้ความมั่นใจในการทำคดีของเรา จะไม่มีแพะรับบาปเด็ดขาด”
“คดีนี้ถูกจับตาใกล้ชิดจากทั่วโลก เราดำเนินการอย่างขันแข็งเพื่อที่จะไม่ให้เกิดการรั่วไหลอย่างมากที่สุด” พล.ต.ท. ปัญญา (มาเม่น) กล่าว*
ผมในส่วนตัวเชื่อฌอน แม็คเอ็นน่า เมื่อเขาบอกว่าถูกข่มขู่โดยคนไทยท้องที่ ผมได้อ่านข้ออ้างต่างๆ บน ‘ไทยวีซ่าดอทคอม’ ที่ว่าการข่มขู่จะแจ้งเกินไป และการใช้ภาษารื่นหูเกินกว่าคนไทยจะทำได้ เกาะเต่าไม่เหมือนที่อื่นๆ ในประเทศไทย คนท้องที่สามารถใช้ภาษาอังกฤษได้ดีกว่าที่ไหนในโลกเท่าที่ผมเคยเห็นมา ประวัติลายพร้อยของเขาอาจทำให้ไม่น่าเชื่อถือเท่าไรนัก แต่ก็นั่นแหละ คนที่อยู่บนเกาะนานๆ จำนวนไม่น้อยก็มีเบื้องหลังที่ไม่ได้สดสวยอะไรนัก ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจได้จับตาดูอยู่แล้ว ตำรวจประกอบคดีด้วยการพุ่งเป้าไปที่นักเล่นกิตาร์ เกี่ยวพันถึงชาวต่างชาติกลุ่มหนึ่งชนิดเป็นไปไม่ได้ว่าจะมีคนไทยเกี่ยวด้วย
ผมคิดว่าถ้าหากฌอนไม่ได้โวยวายขึ้นมาเสียก่อน เขาอาจจะต้องตาย หรือถูกป้ายความผิดทั้งหมดให้ ความเชื่อมั่นในระบบยุติธรรมไทยของผมเป็นศูนย์ต่อการที่ตำรวจของเกาะจะ สามารถคลี่คลายคดีได้
ผมเสียใจต่อการที่เหล่าชาวต่างชาติ (เอ็กซ์แพท) ซึ่งอาศัยอยู่อย่างถาวรบนเกาะพากันตั้งกำแพงความเงียบเสียหมด แต่ว่าผมก็เข้าใจนะว่าเพราะอะไร หลายคนเจอปัญหากับกฏหมายมาก่อนในอดีต ส่วนใหญ่เกี่ยวกับยาเสพติด แล้วตำรวจก็ใช้ชนักอันนี้นี่เองเป็นอาวุธไว้จัดการกับพวกนี้ในวันหน้า อีกหลายคนมีผลประโยชน์ทางธุรกิจอยู่ขณะที่วีซ่าไม่เรียบร้อย บ้างขัดข้องที่หุ้นส่วนตัวแทน หรือเจ้าของที่ดิน พวกเขาอาจต้องเสียธุรกิจไป หรือพ้นจากชีวิตความเป็นอยู่ที่ชื่นชอบ เพียงเพราะพูดความจริงออกมา บางคนอาจถูกเนรเทศเพราะวีซ่าขาด หรือถูกปรับเพราะจ้างแรงงานต่างด้าว หรือถูกจับด้วยข้อหาทำงานโดยไม่มีใบอนุญาติ
ก็ยังมีบางสิ่งในเรื่องอื้อฉาวครั้งนี้ที่ไม่ลงรูปเข้ารอยดีนัก ผมไม่เข้าใจว่าทำไมคนในตระกูลอิทธิพลจะเข้ามาพัวพันกับเรื่องเสียหายอย่าง นี้ หรือว่ามีความอำมหิตกับการสังหารคนอย่างเลือดเย็น ดูแล้วมันเป็นไปไม่ได้ในข้อเท็จจริง เป็นที่รู้กันว่าผู้ชายไทยมักเกิดอารมณ์ร้ายชั่ววูบ แต่นี่เป็นเรื่องเสียหน้าขนาดหนัก คนเหล่านี้ (โดยเฉพาะพวกนักธุรกิจที่มีเส้นสายใหญ่โต แม้ว่าจะสืบเชื้อมาจากคนพเนจรก็ตาม) จะหน้ามืดขนาดข่มขืนแล้วฆ่านักท่องเที่ยวสองคนได้ ทั้งที่กิจการทั้งหมดขึ้นอยู่กับพวกเขา
ผมยังมีข้อกังขาอย่างหนักว่าคนที่ลงมือกระทำจะหลุดคดีไปได้โดยง่าย และจะไม่มีใครถูกจับกุมเนื่องจากความเกี่ยวพันในคดี แต่ต้องมีใครคนใดคนหนึ่งถูกจับได้ แล้วไปซ้อมอย่างสะบักสะบอมให้รับสารภาพ ด้วยความสนใจจากนานาชาติ ตำรวจท้องที่ไม่อาจเสียหน้าหากไม่สามารถคลี่คลายคดีได้ และเชื่อได้เลยว่าความยุติธรรมจะไม่บังเกิด
อาจมีจำนวนนักท่องเที่ยวลดลงไป แต่เป็นที่ทราบกันว่าพวกแบ็คแพ็คเกอร์จะไม่สนใจเรื่องเหล่านี้เท่าไรนัก หลายคนคิดว่าเอาตัวรอดด้วยตนเองได้เสมอ และจะไม่เกิดกับตน ครั้นเมื่อถึงฤดูท่องเที่ยวครั้งต่อไป อะไรต่ออะไรกลับไปเป็นปกติได้แล้ว
เหมือนดังทุกแห่งในประเทศไทย นักท่องเที่ยวควรจะใช้ความระมัดระวังขณะสนุกสนาน และต้องระวังอย่างมากเมื่อเข้าใกล้ชายไทยถ้าหากมีเรื่องยาเสพติด แอลกอฮอล และผู้หญิงเข้ามาเกี่ยวข้อง สิ่งที่เกิดขึ้นเป็นการบังเอิญเกิดยาก แต่ก็ไม่ใช่เป็นไปไม่ได้บนเกาะแห่งนี้ ที่ซึ่งการตายอย่างน่าสงสัยมักได้รับการรายงานว่าเกิดจากสาเหตุตามธรรมชาติ หรือฆ่าตัวตาย
ไม้ค์อี คอมเม้นต์ วันที่ ๒๕ กันยายน ๕๗ เวลา ๘.๑๙ น.
ด้วยความสัตย์นะ ประเทศไทยยังปลอดภัยด้วยประเด็นนั้น ผมรู้สึกว่าปลอดภัยเมื่ออยู่เมืองไทย ๘ เดือนมากกว่าเมื่อเดินเล่นในบริเวณสถานบุกเบิกที่ซานดิเอโก รายล้อมไปด้วยพวกบ้าบอ
และนั่นหลังจากใช้เวลาหลายเดือนอยู่ท่ามกลางกองกำลังติดอาวุธจากภาคใต้ทำการ ประท้วงต่อประชาธิปไตย แถมมีมือปืนติดอาวุธหนักเข้าไปค้นบ้านผมบนเกาะพงัน แล้วยังมีพวกมาเฟียนักปั่นจักรยานจากยะลาเข้าไปอยู่บ้านติดกันกับผม
แต่มันไม่ใช่แดนแห่งรอยยิ้มที่เต็มไปด้วยผู้คนที่เป็นมิตรอีกเช่นกัน มันกลายเป็นแถบหนึ่งของสีเทาไปเสียแล้ว
* หมายเหตุ ล่าสุดท่านผู้การสามารถสืบสอบได้เบาะแสแล้วว่า มือฆ่าคงเป็นต่างชาติ ไม่ใช่ไทยhttp://englishnews.thaipbs.or.th/key-witness-says-foreigner-kills-british-tourists/