Monday, December 29, 2014

แฉโล้นสุวิทย์ เดียรถีย์ อินดี้

แฉโล้นสุวิทย์ เดียรถีย์ อินดี้
แห่ง สำนักอ้อน้อย แม่ช้อยนางรำ
ฮุบที่ดินกว่า 3,000 ไร่ ที่จังหวัดเชียงใหม่
เอกสารดาวน์โหลดได้ที่
ลิงก์ : http://www.mediafire.com/…/k1ap…/แฉ+โล้นอินดี้+ฮุบที่ดิน.pdf
เชิญโหลดเอกสารไปศึกษา
และขอให้ อธิบดีกรมที่ดิน ตรวจสอบเร่งด่วน
ขอให้ ผู้ว่าราชการจังหวัด ดำเนินการด้วย
และสำคัญที่สุด ขอให้ศิษย์รักของโล้นสุวิทย์
ทั้ง 3 คน คือ บิ๊กป้อม รมว.กลาโหม
บิ๊กป๊อก มหาดไทย และบิ๊กควายตู้ (ประยุทธ์)
ตรวจสอบอย่างเร่งด่วน
อย่าปล่อยให้คนโกงลอยนวล
อย่าไหว้คนโกง เปรมิกากล่าวไว้ !!!
เข้าใจนะ ตามนี้
Read More »

ตรู เสียดายเวลากับน้ำลายกูจริงๆสมัยตาสุรชัยถูกจองจำด้วย112กูทั้งบริจาคฝาก

ตรู เสียดายเวลากับน้ำลายกูจริงๆสมัยตาสุรชัยถูกจองจำด้วย112กูทั้งบริจาคฝาก เงินให้คนไปเยี่ยมเป็นแนวร่วมเปิดวิทยุด่าไอ้ภูมิพลกับครอบครัวแม่งจนจะหมด นำ้ลายไปหลายกระบุง

ตอนตาสุรชัยถูกจับมันปล่อยแกนนำเหี้ยแดงนปชทั้งแผ่นดินปับ ตรูละนึกว่าแน่ละนักสู้สุรชัยตัวจริงเสียงจริงผู้นำทางจิตวิญยานของการ ปฏิวัติประชาชนสู้ศักดินาโค่นศักดินาทุนมาเฟียผูกขาดกินรวบประชาชนจนรวยที่ สุดในโลกในบรรดากษัตริย์(ที่ไหนได้วันนี้กูมาด่าปรมาจารย์ที่กูเคยหลงชื่นชม ในอุดมการณ์ ณ วันนี้สุรชัยคือสมุนนายทุนทักษิณปลุกพาคนไปตายติดคุกทุกครั้งเพราะทักษิณมัน ไม่สู้จริง)
ก่อนอักษะจะแตกตาสุรชัยอกมาป่าวๆเหลือเกินรักพระบรมชื่นชมทักษิณ ขั้นโกหกเสียหมาตอนแก่จะมีทหารของพระบรมมาช่วยคนเสื้อแดงรบกับทหาร เดี๋ยวก็ว่าทหารยูเอ็นจะเข้ามาช่วยเสื้อแดง
เอาอ่านกันให้ชัดๆนะกูอดมาหลายวันแล้ว ความเหี้ยของไอ้แม้วทรยศไอ้นี้มันมักใหญ่ใฝ่สูงเพราะมันเคยเสพกิเลสได้เป็น ผู้นำประเทศมาแล้วการที่มันจะกลับเข้าประเทศไทยจะกลับมาเป็นนักธุรกิจอยู่ บ้านเฉยๆเลี้ยงหลานนอนหอมก้นคุณหญิงอ้อนางสนองพระโอษฐ์เสพสุขกับความรวยที่ มีแดกทั้งชาตก็ไม่หมด

มันไม่ใช่สำหรับไอ้แม้ว
สิ่งที่มันต้องการคือการเข้าไปนั่งบริหารจัดการขุมทรัพย์ของจักรีหวังเป็น ที่ปรึกษาสำนักงานทรัพย์ส่วนพระมหากษัตริย์ในรัชกาลที่10 ตัวไอ้แม้วเองมันชอบให้คนเลียเอาใจกราบไหว้ยกยอปอปั้น
ไอ้แม้วเกร็งเต็มที่ถ้าเสี่ยขึ้นเมื่อไรตำแหน่งกล้วยๆคือที่ปรึกษาสำนักงาน ทรัพย์สินแต่ถ้าสูงสูดคือประธาณองคมนตรีแทนไอ้เปรมไปเลยจะได้เป็นตัวแทนพระ เจ้าอยู่หำไปเลยและทำหน้าทีแทนพระเจ้าแผ่นดินไปเลยแม้วฝันว่าเสี่ยขึ้นเมื่อ ไรแม้วก็ได้เป็นพระเจ้าแผ่นดินแทนภูมิพลไปเลย
กูเห็นแดงอวยแดงโหนกระแสพระบรมก่อนอักษะแตกเต็มไปหมด ปล่อยข่าวให้เสื้อแดงออกไปอักษะเยอะๆไปรวมพลัง

ผู้ที่อยู่เบื้องหลังสนับสนุนแดงอวยซวยไปตายคือศรีคาเฟ่กับเครือข่ายตำรวจ ทักษิณตกลงกับศรีจะช่วยหนุนเสี่ยให้ขึ้นเร็วๆเร่งสร้างข่าวปั่นหัวแดงปัญญา อ่อนว่าถ้าเสี่ยขึ้นเมื่อไรเขาจะยกเลิก112 พวกพิธีการเวปเร่งอวยเร่งสร้างค่าแต่งนิยายเสี่ยเป้นคนดีอย่างงั้นอย่างนี้ แต่ด่าพ่อแม่และน้องสาวของเสี่ยสะเสียหมา ตอนนี้พิธีกรขาอวยเสี่ยโดนรวบติดคุกด้วย112ไปหลายคน ไม่เห็นมีพระบารมีเสี่ียไปช่วยสักคนแถมยังโดนกันหนักเข้าไปอีก

ศรีคาเฟ่หวังจะใช้แดงคลั่งทักษิณอวยช่วยลุ้นสนับสนุนให้เสี่ยขึ้นเร็วๆศรีจะ ได้ขึ้นเป็นราชินีที่10เพราะเป็นเมียแต่งมาหลายปีแล้วอีกทั้งศรีมีศัตรูคู่ แข่งมากเพราะเสี่ยมีเมียหลายคน
แต่มันมาพลิกล็อคกับข้างในฝ่ายองคมนตรีเก่าที่พวกเขาไม่ยอมรับการขึ้นที่มีเมียมาจากคาเฟ่
ตั้งแต่ศรีโดนปลดไอ้แม้วหายหัว(วังจักรีให้โอกาสลาออก)ดีนะไม่โดนแบบยุวธิดา
ไอ้แม้วมันชอบชีวิตที่เป็นข่าวจะอยู่เงียบไม่ได้ ล่าสุดโผล่ข่าวอวดรวยฝากเงินให้หลานฝาแฝดคนละ5พันล้านบาทส่งของขวัญให้หลาน ช่างเยาะเย้ยคนจน คนพิการ คนติดคุก คนหมดเนื้อหมดตัเพราะมันสู้ไม่จริง คนเสื้อแดงที่ยังติดคุกบางคนได้รับการปลดปล่อยแล้วคือวิญญานเพราะรอการช่วย เหลือจากแม้วและแกนนำนปชจนตายในคุกวิญญานเลยได้รับอิสระภาพไปล่วงหน้า หลายคนโดนยัดคุกมาตั้งแต่ถูกสลายที่รปสปี53ที่ยังเป็นๆอยู่ไม่มีท่าทีว่า เมือ่ไรจะได้ออก
ยังพวกที่หนีออกนอกประเทศแตกทัพอีกมากเพราะไอ้แม้วที่มันต่อรองปรองดองทรยศทุกครั้งเมื่อถึงคราวจะแตกหักจริง

กูละสมเพชเสรีควายเพื่อนายทุนเปิดองค์กรเอ็นจีโอโกเต็กตึ้งของไอ้เอนกพ่อค้า ขายก๋วยเต๊่ยวเนื้อสดที่ท่านขุนนางเก่าที่มีความคิดย้อนยุคเปรียบเทียบวิถี ของคนยุคใช้แรงงานสัตว์แรงงานคนกับยุคปัจจุบันที่ใช้แรงผลิตจากแหล่งพลังงาน น้ำมันและทองคำนั้นกินไม่ได้ ยังยึดติดความคิดแบบขุนนางกราบตีนศักดินา เอาวิถีชีวิตสมัยกรุงศรีอยุธยาจะยังคงสนับสนุนใช้ควายไถนา(ความคิดเหมือนนัง สิริกิต)บอกว่าน้ำมันกับทองคำไม่มีค่าคือท่านจารุพงษ์ที่ไปเกาะอยู่กับ องค์กรเสรีควายโกเต็กตึ้ง ออกมาพูดเพื่อต้องการปกปิดประชาชนเรื่องน้ำมันทองคำเพือ่ศักดินานายทุนที่มี ผลประโยชน์ร่วมกันอยู่
ช่างหมดค่าหมดราคาหัวหน้าพรรคการเมืองและอดีตรมต.ตอนมีอำนาจในมือไม่ทำอะไร ที่จะช่วยประชาชนเพราะมัวแต่บังคมก้มกราบตีนทำตามนายใหญ่เจ้านายเหนือหัวคือ ทักษิณแต่ค่าเท่าส้นตีนของจักรี
ICC ไม่ยอมให้สัตยบัน
รัฐบาลเพือ่ไทยจัดงบให้ทหารมากกว่าสมัยพรรคประชาธิปปัตย์เอาเงินภาษีของ ประชาชนประเคนเป็นแสนๆล้านบาทซื้ออาวุธให้ทหารมายิงประชาชนที่สนับสนุนตัว เอง
พรบ.เหมาเข่ง ให้อภัยศัตรูที่ฆ่าหมู่ประชาชนที่สนับสนุนตัวเองร้ายสุดคือเตะ112ออกจากเข่ง(ทรยศชั่วชาตสาระเลว)
ต่อไปนี้ประชาชนจะสู้เป็นไม่สู้ตายสู้อย่างฉลาดสู้เพื่อ่ผลประโยชน์ของตัวพวกเราทุกท่านเอง
Read More »

บังเอิญว่า...

บังเอิญว่ามีกระแสเรื่องเกลือหิมะ
บังเอิญว่ากระแสเริ่มลุกลามบานปลาย
บังเอิญว่าคนในพื้นที่ก็เริ่มจะไม่แฮปปี้
จากนั้นไม่นาน...
- บังเอิญว่า อยู่ดีๆก็มีรถติดแก๊สคันหนึ่งมีควันไฟขึ้น
- บังเอิญว่า รถคนนั้นมาจอดหยุดรถที่หน้าห้าง
- บังเอิญว่า ห้างนั้นคือ "ธิงค์พาร์ค" ที่จัดเกลือหิมะ
- บังเอิญว่า ห้างนั้นเสี่ยตัน อิชิตัน เป็นเจ้าของ
- บังเอิญว่า วันนั้น เสี่ยตันมายืนถ่ายรูปที่ห้างตัวเอง
- บังเอิญว่า ชั่วโมงนั้น นาทีนั้น เสี่ยตันอยู่ตรงนั้นพอดิบพอดี
- บังเอิญว่า เสี่ยตันมีสติสั่งเด็กให้ไปเอาที่ดับเพลิงมา
- บังเอิญว่า ถังดับเพลิงอยู่ใกล้มา หยิบมาได้ไวมาก
- บังเอิญว่า ลูกน้องรู้ทัน เลยส่งถังให้เสี่ยตันไปดับเอง
- บังเอิญว่า รถติดแก๊สคันนั้นไฟไหม้ช้ามากมีแต่ควัน(ปกติคันอื่นๆไหม้เร็ว)
- บังเอิญว่า เสี่ยตันวิ่งเข้าไปช่วยดับเพลิงเองได้ทัน
- บังเอิญว่า มีคนถ่ายรูปเอาไว้ได้
- บังเอิญว่า มีสื่อเอาไปลง
ทุกอย่างเป็นเรื่องบังเอิญครับ
มติชนออนไลน์
www.matichon.co.th|By บริษัท มติชน จำกัด (มหาชน)
Read More »

ทรงแย้มพระสรวล เป็นภาพเก่า เมื่อ 2010/02/12

Read More »

ไปแล้วไม่ต้องกลับมานะค่ะ



Read More »

Saturday, December 27, 2014

พูดว่าทำรัฐประหารแล้วร้องไห้ทั้งบ้าน

พูด ว่าทำรัฐประหารแล้วร้องไห้ทั้งบ้าน ผมว่าคุณดูถูกปัญญาของคนไทยส่วนใหญ่มากไปนะ การพูดอย่างนี้หมายความว่าอย่างไร? มันกลายเป็นบุญคุณเหรอที่คุณล้มรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง...
เป็นที่รู้กันในวงในว่า รัฐประหารทุกครั้งต้องมี "ใบสั่ง" โดยเฉพาะทหารโง่อย่างประยุทธ์ ต้องมีคนจูงจมูกแน่ๆ เรื่องร้องไห้จึงเป็นเรื่องตอแหล มีผู้ใหญ่เล่าให้ผมฟังว่า วันที่สุจินดาจะทำรัฐประหาร (กำลังจะกินข้าวเย็น) มีโทรศัพท์มา แล้วสุจินดาก็หุนหันลุกไป มีคนเอ่ยถามว่า ท่านจะไปไหน สุจินดาตอบว่า เค้าโทรมาว่าให้ทำรัฐประหาร....

Read More »

หนังสือ คอมมิวนิสต์สอนอะไร-สุพจน์คนด่านตะกูล(ผู้สนใจการเมืองควรศึกษา อย่างยิ่งเล่มหนึ่ง)


หนังสือ คอมมิวนิสต์สอนอะไร-สุพจน์คนด่านตะกูล(ผู้สนใจการเมืองควรศึกษา อย่างยิ่งเล่มหนึ่ง)

บุคคลที่แม้รู้จะลัทธิต่างๆว่ามีส่วนดีอย่างไร ก็แกล้งทำเป็นไม่รู้ ไม่ยอมที่จะดำเนินตาม เพราะเหตุที่ตนมีประโยชน์ส่วนตัวที่ป้องกันไม่ให้ลัทธิต่างๆนั้น เช่นลัทธิโซเซียลลิสม์ที่ประสงค์ให้รัฐบาลเป็นผู้ประกอบการเสียเอง เพื่อให้ราษฎรโดยส่วนรวมดังนี้ พวกที่ประกอบอุตสาหกรรมก็ต้องไม่นิยมลัทธิโซเซียลลิสม์ เพราะเกรงไปว่าประโยชน์ตยที่มีอยู่ในอุตสาหกรรมนั้นจะต้องถูกริบ.....

แม้จะรูว่าลัทธิิต่างๆและเห็นว่าลัทธินั้นดีก็ตาม แต่เมื่อรัฐบาลเป็นผู้ดำเนินตามลัทธินั้น ตนเองได้ตั้งใจเป็นปรปักษ์กับรัฐบาล ก็แสร้งทำเป็นถือลัทธิหนึ่ง เค้าโครงเศรษฐกิจแห่งชาติ ของ หลวงประดิษฐ์ มนูธรรม(ปรีดีพนมยงค์) ซึ่งเป็นการบำรุงความสุขสมบูรณ์ของราษฏรในทางเศรษฐกิจ ก็กลายเป็นสิ่งที่ชนชั้นผู้ปกครองใส่ความว่าเป็นภัยชั่วร้าย แม้กระทั่งเหตุการณ์ 6ตุลา2519 เหล่าปัญญาชนหัวก้าวหน้า ผู้นำความคิดโซเซียลลิสต์หรือสังคมนิยมประชาธิปไตย เผยแผ่แก่ประชาชนเพื่อให้เข้าใจความจริงในด้านต่างๆก็กลายเป็นภัยคุกคามแก่พวกชนชั้นสูงที่เกรงจะเสียผลประโยชน์ โดยจะเห็นเครื่องมือของชนชั้นสูง สืบทอดบทกันมาเป็นทอดๆ เช่น กิตติวุฒโฑ เจ้าอาวาสวัดจิตภาวรรณเครือข่าย ของชนชั้นสูง ผู้นำหัวหน้ากระทิงแดง กล่าวว่า สังคมนิยมทุกชนิด คือ คอมมิวนิสย์ หรือวาทกรรมเด็ด "การฆ่าคอมมิวนิสย์ไม่บาป เหมือนการฆ่าปลา แกงใส่ บาตรพระ" หลังจากเศร้าสลดเมื่อวันที่6ตุลา อุดมการณ์สังคมนิยมประชาธิปไตยก็หายไปด้วย สิ่งที่เข้ามาแทนที่จากชนชั้นปกครองที่พยายามต้องการให้ประชาชนโง่เขลาเพราะกลัวจะเสียผลประโยชน์คือการสร้างความเชื่อ ว่าคอมมิวนิสย์ คือปีศาจร้ายหรือคอมมิวนิสย์เป็นลัทธิฆ่าคน ซึ่งเป็นการบิดเบือนความจริงเสียทั้งสิ้น

"บุคคลจำพวกนี้จัดเป็นพวกอุบาทย์กาลีโลก เพราะเหตุที่ตนมุ่งแต่ประโยชน์ส่วนตนเป็นใหญ่ หาได้มุ่งถึงผลประโยชน์ของราษฏรทั่วไปไม่"

ปรีดี พนมยงค์

http://www.mediafire.com/view/9kdk0zyyyw34zr1/หนังสือ_คอมมิวนิสต์_สอนอะไร-สุพจน์_คนด่านตะกูล.pdf
 
Read More »

รวมซีรีส์ "ณ แดนลิเก" แถมตอนใหม่ !!!

รวมซีรีส์ "ณ แดนลิเก" แถมตอนใหม่ !!!

----------------------------------------
วีไอพีมีมารยาแต่ไม่มีมารยาท
คนชาตินิยมชมชอบไวน์ฝรั่งไม่คลั่งเหล้าขาว
คนชาตินิยมชมชอบสูทฝรั่งไม่คลั่งโจงกระเบน
คนชาตินิยมชมชอบหนังฝรั่งไม่คลั่งหนังไทย
คนชาตินิยมชมชอบมิวสิคัลไม่เคล้าลำตัด
ทหารตำรวจเน้นไสยศาสตร์ อาจารย์เน้นจริยศาสตร์
กฎหมายสูงสุดเกิดก่อนรัฐธรรมนูญ
ทหารผอมวิ่งเร็วได้เป็นบ่าว ทหารอ้วนวิ่งไม่ไหวได้เป็นนาย
นักข่าวปลาบปลื้มที่ได้รับเปลือกกล้วยสีเหลืองเป็นมงคลจากทั่นผู้นำราวกับได้รับน้ำมนต์จากเกจิคนดัง
การติดสินบนเป็นวัฒนธรรมอันดีงามแสดงถึงความนอบน้อม แม้แต่สิ่งศักดิ์สิทธิ์ก็รับสินบนด้วยการแก้บน
ทหารและตำรวจผู้เก่งกล้าพกพาเครื่องรางของขลังเพราะกลัวตาย
มั่นใจว่าเป็นศูนย์กลางพุทธศาสนาแห่งจักรวาลแต่ปล้นพระคู่บ้านคู่เมืองจากประเทศเพื่อนบ้าน
มีนายพลมากกว่าอภิมหาอำนาจแต่ไม่เคยรบชนะ
ชอบเขียนกฎหมายแต่ไม่เคารพกติกา
ชอบใส่เครื่องแบบแต่ไม่มีวินัย
โสเภณีผิดกฎหมายแต่หาง่ายกว่าพี่เลี้ยงเด็ก
หมอไปสัมมนาเที่ยวด้วยเงินบริษัทยาแต่ด่านักการเมืองเรื่องผลประโยชน์ทับซ้อน
นายกฯหญิงบินไปต่างประเทศไม่พาสามีไปด้วยถือว่าเปลืองงบ แต่นายกฯชายบินไปต่างประเทศพาภรรยาไปด้วยถือว่าเป็นหน้าเป็นตาแก่ประเทศ
คนมีบัญชีทรัพย์สินที่บริติชเวอร์จินเป็นคนเลวแต่คนมีบัญชีทรัพย์สินที่สวิสเป็นคนดี
คนมีจิตสาธารณะเบิกสวัสดิการค่าตัดสูท
สีทองเป็นสีมงคลแต่คำว่าดอกทองคือคำด่า
สีดำเป็นสีอัปมงคลแต่ผมดำกันค่อนประเทศ
สีแดงเป็นสีอัปมงคลแต่เป็นสีหนึ่งในธงชาติ
กองทัพที่งบประมาณเกือบแสนล้านเปราะบางขนาดนิ้ว 3 นิ้วจิ้มให้พังได้
ค่านิยมสร้างด้วยสติ๊กเกอร์ไลน์ ความหลงใหลสร้างด้วยคุก
มั่นใจว่าไม่เคยเป็นเมืองขึ้นฝรั่งแต่คลั่งความผิวขาว
คนมีลูกไม่เอาไหนชอบอบรมลูกคนอื่นในที่สาธารณะ
ไม่มีเงินช่วยเหลือเกษตรกรแต่มีเงินซื้อเฮลิคอปเตอร์กะเรือรบที่ไม่ได้ออกรบ
พระประณามทุนนิยมแต่ให้เช่าที่ดินทำตลาดนัด
นายพลรุ่นพี่กลัวแพ้คอมมิวนิสต์เลยออเซาะทุนนิยม นายพลรุ่นน้องกลัวแพ้ทุนนิยมเลยออเซาะคอมมิวนิสต์
ทหารไม่ได้มีไว้ทำสงครามแต่มีไว้ปราบประชาชน
ตำรวจขอเพิ่มอำนาจในภาวะกฎอัยการศึก
การแทรกแซงศาลเรียกว่าสามานย์ส่วนศาลทหารเรียกว่าผดุงธรรม
คนปิดทองหลังพระอยู่หน้าจอทีวี
คนคลั่งชาติชอบเซเลปลูกครึ่งฝรั่ง
คัดค้านการให้เงินช่วยเกษตรกรแต่ซื้อทัวร์ไปชื่นชมชีวิตเกษตรกรในประเทศที่ให้เงินช่วยเกษตรกร
บิดาแห่งศิลปกรรมผู้ก่อตั้งมหาลัยศิลปะแห่งชาติเป็นคนต่างชาติ
มหาลัยที่เก่าที่สุดเพิ่งอายุ 100 ปีแต่คนมีปริญญามั่นใจว่าฉลาดมาก
มั่นใจว่าไม่เคยเป็นเมืองขึ้นฝรั่งแต่คลั่งเรื่องสำเนียงอังกฤษแท้
คนรักลัทธิชาตินิยมชอบส่งลูกเรียนเมืองนอก
คนชอบลัทธิบุญบารมีวาสนาชอบส่งลูกเรียนโรงเรียนคริสต์
คนอ้วนเป็นโอ่งจนวิ่งไม่ไหวเป็นนายพลที่เก่งกล้าสามารถปราบศัตรูพ่าย
เมียน้อยที่เลื่อนขั้นเป็นเมียหลวงน่าสงสารเมื่อสามีมีเมียน้อยอีก
อาชญากรบวชเป็นพระกลายเป็นคนดีกว่าพระที่ก่ออาชญากรรม
องคมนตรีที่ใช้ภาษีอย่างไม่โปร่งใสสอนผู้เสียภาษีว่าอย่าโกง
นักการเมืองที่ชนะเลือกตั้งไม่ใช่คนดีเท่านักการเมืองที่ล้มเลือกตั้ง
รถไฟฟ้าความเร็วปานกลางราคา 3 ล้านล้านเป็นการลงทุนที่คุ้มค่ากว่ารถไฟฟ้าความเร็วสูงราคา 2 ล้านล้าน
คนฉีกรธน.ขอเป็นคณะกรรมการพิทักษ์รธน.ในอนาคต
Read More »

Wednesday, December 24, 2014

ผมจำได้ว่าตอนรัฐประหารใหม่ๆ

ผมจำได้ว่าตอนรัฐประหารใหม่ๆ มนุษย์กะลา แฟนคลับภูมิพล ออกมาฉลองดีใจกันใหญ่ที่มีคนออกหมายจับด้วย 112 หลายคน

แต่ปรากฎว่าพอผ่านไปนานๆเข้า ผมกลับมองว่า ฝ่ายที่ต้องฉลองคือฝ่ายที่ต่อต้านตระกูลภูมิพลต่างหาก เพราะการกระทำด้วยกฎหมายที่ป่าเถื่อน ทั่วโลกไม่มีใครยอมรับเช่นนี้ (ยกเว้นประเทศเผด็จการด้วยกันบางประเทศที่ ต้องการเข้ามาเพื่อผลประโยชน์ล้วนๆ ... ดูเรื่องดุลการค้าจีนที่ผมเพิ่งโพสไปเตตัสที่แล้วประกอบ) กลับเป็นเหตุให้ประเทศต่างๆทุกทวีปทั่วโลก ซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นประเทศอารยะ มีคุณภาพชีวิตที่ดีกว่ากะลาแลนด์ ให้สถานะผู้ลี้ภัย หรือสถานะ PR (อยู่อาศัยถาวร) กับคนเหล่านี้ได้ง่ายขึ้น และเมื่อคนเหล่านี้ได้สถานะแล้วก็ทำการวิจารณ์ภูมิพล และครอบครัวอย่างไม่ต้องเซ็นเซอร์อีกต่อไป (ex เด็จเจียม ก็โพสแบบไม่ต้องเซ็นเซอร์อีกต่อไป)

การที่ พวกสลิ่มคลั่งเจ้าในกะลา เช่น องค์กรเก็บขยะของเหรียญทองแดง สุยะใส หรือ เตชะ ทับทอง ไปบิวท์ให้คนไปประท้วงกระทรวงต่างประเทศ(ซึ่งจริงๆสลิ่มรอยัลลิสต์คุมเกือบ ทั้งหมด)บ้าง ประท้วงรัฐบาลประเทศต่างๆ ให้จัดการคนโดน 112 ในต่างประเทศให้ได้ แต่ทว่าสุดท้ายก็ไม่มีแม้แต่ประเทศเดียวตอบรับ ก็ยิ่งตอกย้ำทำให้กะลาแลนด์กลายเป็นตัวตลกในสายตาชาวโลกมากขึ้นเรื่อยๆ และ กฎหมาย 112 ก็ถูกลดทอนความชอบธรรมจากทั้งในและต่างประเทศ ในทุกๆครั้งที่การประท้วง การตามจับอันไร้สาระเหล่านี้ถูกเพิกเฉยจากชาวโลก รวมถึง รัฐบาลทหารที่บังคับใช้กฎหมายนี้ถูกรังเกียจจากเวทีนานาชาติ เข้าประเทศเขาไม่ได้บ้าง ถูกแถลงการณ์ตอบโต้ครั้งแล้วครั้งเล่า

ผมว่าต่อไปนี้ ประชาชนรอยัลลิสต์ในกะลาแลนด์ ก็คงมีสภาพไม่ต่างจากประชาชนเกาหลีเหนือที่โดน propaganda จนบ้ากันเกือบทั้งประเทศ คือ ได้แต่เย้วๆ ในกะลาตัวเอง ว่าประเทศนั้น ประเทศนี้ ไม่เข้าใจตัวเอง ประเทศนั้น ประเทศนี้เป็นศัตรูกับตัวเอง ประเทศนั้น ประเทศนี้ไม่เข้าใจตัวเอง ไปเรื่อยๆโดยที่ภาพลักษณ์ของพ่อง กลายเป็นเผด็จการมากขึ้นเรื่อยๆในสายโตชาวโลก

ขอฟันธงว่านี่เป็น ยุคของการนับถอยหลังเข้าสู่ chapter สุดท้ายของภูมิพลและตระกูลอย่างแท้จริง สถานการณ์แทบไม่ต่างกับ ช่วงปลายรัชสมัยของพระเจ้า Wilhelm II กษัตริย์คนสุดท้ายของเยอรมัน ที่สถาบันกษัตริย์ปฏิเสธจะปรับตัวให้กลายเป็นประชาธิปไตย จับคนเข้าคุกด้วยข้อหาหมิ่นเพิ่มหลายเท่าตัว ... คนที่น่าสงสารไม่ใช่คนที่ถูกไล่ออกนอกประเทศ แต่แต่คนไทย อีกส่วนหนึ่งที่มีจำนวนมากซึ่งยังสติดี แต่ต้องมาติดใน "เรือเจ๊ก ซึ่งต้องตามใจเจ๊ก" (ตามการนิยามของ นักกฎหมายขี้ข้าเผด็จการ)

สรุป ปิดท้ายสั้นๆ มานึกย้อนไป ต้องขอบคุณ คสช ที่ใช้ยาที่แรงมากๆ แรงซะจนกระทั่งคนที่เปิดฝายาตายห่าซะก่อน ยังไม่ทันได้เทใส่คนอื่นเลย
Read More »

หนังสือ ความคิด ของ เหมา เจ๋อ ตุง (ต้องห้าม)

หนังสือ ความคิด ของ เหมา เจ๋อ ตุง (ต้องห้าม)

"การกดขี่ขูดรีดทางเศรษฐกิจ การกดขี่สิทธิเสรีภาพทางการเมือง ทำให้เหล่ากรรมชีพ ก่อการลุกขึ้นต่อสู้หลายต่อหลายครั้ง เพื่อต่อต้านการกดขี่นั้น"

http://www.mediafire.com/…/หนังสือ_ความคิดของเหมาเจ๋อตุง.pdf
Unlike · ·
Read More »

*Anti WAKE UP ALL THAIS ประจำวันที่ 24-12-57 วิเคราะห์การชิงอำนาจระหว่างวังสายเปรมกับกองทัพ

*Anti WAKE UP ALL THAIS ประจำวันที่ 24-12-57 วิเคราะห์การชิงอำนาจระหว่างวังสายเปรมกับกองทัพ

 

 

https://www.youtube.com/watch?v=F60V8zxe6iE&feature=youtu.be




*Anti WAKE UP ALL THAIS ประจำวันที่ 24-12-57 วิเคราะห์การชิงอำนาจระหว่างวังสายเปรมกับกองทัพ
https://www.mediafire.com/?tnzsw8iul1s9439


http://www.2shared.com/audio/0_HciWvb/Anti_WAKE_UP_ALL_THAIS__24-12-.html


http://www.4shared.com/mp3/2612nMYuba/Anti_WAKE_UP_ALL_THAIS__24-12-.html?
Like · · Share · 4 hrs




















Read More »

Tuesday, December 23, 2014

#‎กูแฉเอกสาร‬

‪#‎กูแฉเอกสาร‬

ผู้พิพากษาหัวหน้าศาลจังหวัดเชียงราย
ได้รับเอกสารจาก จังหวัดทหารบกเชียงราย
ขอให้ผู้พิพากษาไปคอยต้อนรับ และคอยส่ง ผู้ใหญ่
รับ - ส่งใคร ใหญ่มาจากไหน
คนนั้นคือ ผช.ผบ.ทบ. พล.อ.ธีรชัย นาควานิช

ผู้พิพากษา ทำงานภายใต้พระปรมาภิไธย !
ผช.ผบ.ทบ. ทำงานเพื่อกองทัพ !
งานนี้ ใครใหญ่กว่าใคร ?
‪#‎เลียและอวยกันเอี้ยๆทหารใหญ่สุด‬
พรุ่งนี้ที่ท่าอากาศยานแม่ฟ้าหลวง จ.เชียงราย
เวลา 13.00 น. เขาระดมหัวหน้าหน่วยราชการ
มาคอยส่งขึ้นเครื่อง นักข่าวไปถามหน่อย
ว่าใครใหญ่กว่ากัน กูเห็นแล้วอายแทน อายมาก
รับราชการมาจนจะเกษียณอายุราชการ
นี่เพิ่งจะเคยเห็นท่านผู้พิพากษา ต้องมารับส่ง
ไม่รู้ว่าใหญ่มากไหน สงสัยใหญ่เพราะ คสช.
ช่วยกันประจาน จังหวัดทหารบกเชียงราย
ที่เลีย จนเหี้ย ไอ้ธีรชัย นาควานิช มันจะรู้ไหม
ว่าลูกน้องมัน เลียมันจนน่ารังเกียจแบบนี้
‪#‎ทหารพ่อทุกสถาบันสินะตอนนี้‬
Read More »

คนที่ดูดีมีความรู้ บางที

Read More »

หลาย ปีที่ผ่านมา ขบวนการเสื้อแดงภายใต้การนำของ ทักษิณ-นปช ทำความผิดพลาดใหญ่หลวงทาง

หลาย ปีที่ผ่านมา ขบวนการเสื้อแดงภายใต้การนำของ ทักษิณ-นปช ทำความผิดพลาดใหญ่หลวงทางยุทธวิธี 2 ช่วง ซึ่งทำให้ความพยายามเคลื่อนไหวในทิศทางประชาธิปไตย มีความยากลำบากเพิ่มขึ้นมหาศาล (อย่างที่ควรหลีกเลี่ยงได้ และสถานการณ์และประวัติศาสตร์ปัจจุบันอาจจะเป็นคนละอย่างถ้าไมใช่เพราะความ ผิดพลาดนั้น)

ช่วงแรกคือปี 53 ทำความผิดพลาดใหญ่หลวง 2-3 อย่าง อย่างแรกคือการตัดสินใจยึดราชประสงค์ ซึ่งเป็นยุทธวิธีหายนะ ทำให้ความขัดแย้งกับคนชั้นกลางในเมืองเกิดจุดหักเหสู่ความเลวร้าย ชนิดยากจะซ่อมแซมมาจนทุกวันนี้ อย่างที่สองคือ การเปลี่ยนใจ ไม่ยอมสลายการชุมนุม รับ "โร้ดแม็พ" ของอภิสิทธิ์ ทั้งๆที่ตอนแรกกำลังจะรับและสลายอยู่แล้ว (ซึ่งทักษิณหลีกเลี่ยงความรับผิดชอบไม่ได้) และอย่างที่สาม คือการไม่กำจัดกิจกรรมของ "ชายชุดดำ" ในหมู่เสื้อแดงโดยสิ้นเชิง

ช่วงที่สองคือช่วงวิกฤติ กปปส 2556-57 แน่นอน นอกจากความผิดพลาดชนิดอภิมหา-หายนะ เรื่อง "เหมาเข่ง" (ซึ่งเช่นกัน ทักษิณ-ยิ่งลักษณ์ หลีกเลี่ยงความรับผิดชอบไม่ได้) ที่สำคัญที่สุด คือการไม่ยกเลิก-ทำให้หมดไป กิจกรรมแบบ "ใต้ดิน" ซึ่งพลุ่งพรวดขึ้นในช่วงไม่กี่เดือนของวิกฤติ กปปส และนำความเสียหาย บาดเจ็บล้มตาย มาสู่ผู้บริสุทธิ์ และทั้งยังน่าจะมีส่วนสำคัญที่ทำให้ทหารตัดสินใจลงมือยึดอำนาจ ("รัฐ" และ "ทหาร" โดยเนื้อหาคือ "การผูกขาดความรุนแรง" หรือกำลังติดอาวุธ .. การมีกำลังติดอาวุธ "คู่แข่ง" เป็นอะไรที่ไปท้าทายให้พวกเขาลงมือเพื่อยุติโดยตรง)
Read More »

กระทู้นี้ เรียกแบบฝรั่งอังกฤษว่า musing (เปิด"ดิก"กันเองนะ)

กระทู้นี้ เรียกแบบฝรั่งอังกฤษว่า musing (เปิด"ดิก"กันเองนะ)
..............
"ไดเลมม่า" ใหญ่ของผู้ต้องการต่อสู้เพื่อเสรีภาพประชาธิปไตยแท้จริงคือ
องค์กรหรือขบวนการการเมืองในโลกยุคปัจจุบัน ควรเป็นองค์กรเปิดโดยพื้นฐาน
แต่ระบอบ คสช จะยังรักษาระบอบเผด็จการรวบอำนาจต่อไปอีก (อย่างต่ำๆคือถึงช่วงเปลี่ยนรัชกาลแน่) และจะไม่ยอมให้มีการจัดตั้ง เคลื่อนไหวในลักษณะเปิด เป็นรูปเป็นร่างในประเทศ

"ทางออก" ทางหนึ่งคือ "เปิดนอกประเทศ-ปิดในประเทศ" ปัญหาคือ ในประเทศที่ต้องเป็นตัวชี้ขาดจะทำอย่างไร? อันที่จริง ในโลกสมัยใหม่ ถ้าสามารถเป็นแบบเปิดก็ดีกว่าเช่นกัน ปัญหาคือภายใต้ท็อปบู๊ต คสช จะทำอย่างไร? ผมตอบไม่ได้ เพราะไม่ได้อยู่ แต่ความรู้สึกคือ อันที่จริง อาจจะมีหนทางทำได้อยู่ (เรื่องเพื่อไทย นปช นี่ forget ไปได้เลย สำหรับคนที่คิดจะผลักดันให้ประเทศมีเสรีภาพประชาธิปไตยแท้จริง)

ในส่วนนอกประเทศนั้น แม้จะทำแบบ "เปิด" ได้ แต่มีข้อจำกัดเยอะ (เช่นเดียวกับกรณีในประเทศ "องค์กรเสรีไทย" สำหรับคนที่ต้องการเสรีภาพประชาธิปไตย ก็ควร forget ไปเช่นกัน องค์กรหรือขบวนการใดๆที่ผูกติดกับชิณวัตร-เพื่อไทย forget ไปได้เลย ..ที่พูดนี้ในแง่การเมืองล้วนๆ ในแง่ตัวบุคคล ผมก็หวังด้วยความปรารถนาดีว่า คนอย่างคุณจารุพงศ์, สุนัย, พี่จรัล, จักรภพ จะสามารถหาที่อยู่อาศัย และใช้ชีวิตที่ปลอดภัย มีความสุขตามอัตภาพได้ .. แต่ในทางการเมือง "เสรีไทย" ของพวกเขา เป็นอะไรที่ทุกคนควร forget ได้)

เฉพาะหน้า ถ้าผู้รักเสรีภาพประชาธิปไตยแท้จริงที่อยู่ต่างประเทศจะสามารถก่อรูปเป็น องค์กรขบวนการเครือข่ายใหม่ก็คงดี ไม่ว่าจะมีข้อจำกัดอย่างไร
Read More »

กษิต ภิรมย์ และ ประเวศ วะสี ว่าด้วยสถาบันกษัตริย์ไทยต้องเป็นแบบยุโรป

กษิต ภิรมย์ และ ประเวศ วะสี ว่าด้วยสถาบันกษัตริย์ไทยต้องเป็นแบบยุโรป

กระทู้นี้ ต่อเนื่องจากกระทู้ข้างล่างที่เพิ่งโพสต์ไป (กรุณาอ่านก่อน จะขอบคุณ) ที่ผมพูดถึง กรณีสปีชที่มหาวิทยาลัยจอห์น ฮ้อปกิ้นส์ ของ กษิต ภิรมย์ และบทความของประเวศ วะสี ที่พาดพิงถึงอนาคตของสถาบันกษัตริย์ - ถ้าเปรียบเทียบกันแล้ว ผมยังเห็นว่า กษิตพูดได้ตรงและชัดเจนกว่า (และผมมองว่าถ้านับเฉพาะนักการเมืองด้วยกัน ไม่ว่าค่ายไหน เป็นสปีชเรื่องสถาบันฯที่ดีทีสุด)
เอาทั้งคู่มาโพสต์อีกครั้ง สำหรับใครที่ยังไม่เคยเห็น หรือลืมๆไป
:::::::::::::::::::::
กษิต ภิรมย์ มหาวิทยาลัยจอห์น ฮ้อปกิ้นส์ 12 เมษายน 2553:

".... ผมคิดว่า เราต้องพูดเกี่ยวกับสถาบันกษัตริย์ [ว่า] สถาบันกษัตริย์จะต้องปฏิรูปตัวเองอย่างไรให้สอดคล้องกับโลกยุคโลกาภิวัฒน์ สมัยใหม่ เช่นเดียวกับที่สถาบันกษัตริย์อังกฤษ, สถาบันกษัตริย์เนเธอแลนด์, เดนมาร์ค, ลิชเต็นสไตน์ ต้องผ่านอะไรมาบ้าง เพื่อปรับตัวเองเข้ากับโลกสมัยใหม่ ...."
".... ผมคิดว่า เราต้องกล้าพอที่จะผ่านสิ่งเหล่านี้ และพูดกันแม้แต่ในประเด็น 'ต้องห้าม' เรื่องสถาบันกษัตริย์. เราต้องทำให้เหมือน ลิชเก็นสไตน์ หรือ ลักเซ็มเบิร์ก ที่ต้องผ่านสิ่งเหล่านั้น. ทุกวันนี้ ทุกสิ่งทุกอย่าง [ควร] จะกลายเป็นเรื่องเปิด เพื่อที่จะได้ไม่เป็นอะไรที่ถูกซ่อนไว้ใน 'ยาฮู' หรือ 'กูเกิ้ล' อะไรแบบนั้น ไม่จำกัดเป็นแค่เรื่องถกเถียงกันใต้ดิน ใต้โต๊ะ อะไรแบบนั้น เราต้องซื่อตรงต่อกันและกัน ขอให้เรามาอภิปรายกันในเรื่องเหล่านี้ ...."
:::::::::::::::::::::
ประเวศ วะสี, "ปลดล็อคความไม่สงบหลังเลือกตั้ง" (3 มิถุนายน 2554):

"......การปลดล็อคให้สถาบันไม่เป็นประเด็นที่คนไทยจะต้องมาฆ่ากันตาย ความกลัวว่าจะมีคนมาล้มล้างสถาบันพระมหากษัตริย์เป็นปัจจัยที่จะทำให้คนไทย ฆ่ากันตาย คนไทยทุกฝ่ายควรจะมาร่วมปรึกษาหารือกันว่าจะทำให้สถาบันไม่เป็นประเด็นที่คน ไทยจะต้องฆ่ากันได้อย่างไร ประเทศประชาธิปไตยที่มีสถาบันพระมหากษัตริย์ เช่น อังกฤษ สวีเดน เดนมาร์ค นอร์เวย์ ญี่ปุ่น สถาบันของเขาไม่เป็นประเด็นทางการเมืองที่ผู้คนจะต้องมาทะเลาะกันเลย เราติดอยู่ตรงนี้นานจนบ้านเมืองไม่สามารถก้าวหน้าไปได้อย่างสันติ สมควรที่สังคมไทยจะต้องก้าวข้ามข้อติดขัดทางประวัติศาสตร์ ควรศึกษาดูว่าในประเทศดังกล่าวข้างต้นเขามีกฎหมาย กฎ ระเบียบ ประเพณีปฏิบัติอย่างไร ที่เกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างสถาบันกับระบบการเมือง กับระบบราชการ กับระบบธุรกิจ และกับสังคม ประเด็นไม่น่าจะอยู่ที่การโค่นล้มและการปราบปรามผู้ที่คิดว่าจะคิดโค่นล้ม แต่อยู่ที่การปรับความสัมพันธ์มากกว่า....."
Read More »

สถานะ ของสถาบันกษัตริย์ไทย ไม่มีวันจะเป็นอย่างที่เป็นอยู่ได้อีกนานปีเท่าไร

สถานะ ของสถาบันกษัตริย์ไทย ไม่มีวันจะเป็นอย่างที่เป็นอยู่ได้อีกนานปีเท่าไร ต่อให้ในหลวงองค์ปัจจุบันจะยังมีพระชนม์ชีพต่อไปอีก (ซึ่งทุกคนก็รู้ดีว่ายังไงก็ไม่นานแล้ว) ยิ่งถ้ามีการเปลี่ยนรัชกาล ไม่ว่าใครจะขึ้นมา ก็ไม่มีทางที่จะคงสภาพเช่นนี้ต่อไปได้ตลอดไป

ผมเคยพูดหลายครั้ง และยังยืนยันว่า อนาคตสถาบันกษัตริย์ไทย เป็นได้เพียง 2 อย่างเท่านั้น คือ EITHER เปลี่ยนแปลงให้เป็นสถาบันฯแบบสมัยใหม่เหมือนยุโรป-ญี่ปุ่น OR ไม่ยอมเปลี่ยนและสูญสลายไปโดยสิ้นเชิง (รีพับบลิค)

ไม่มีทางเลือกที่สามในแง่ที่จะคงรักษาสถานภาพแบบปัจจุบัน (หรือถ้าพูดให้ถูกยิ่งขึ้น สถานภาพแบบระหว่างปี 2535-2549) ไว้ได้ในอนาคต

เสียดายที่ในหมู่คนรักเจ้าที่ intelligent หน่อย (ซึงมีแน่นอน ดังทีผมเคยยกตัวอย่างกรณีสปีชของกษิต ภิรมย์ ที่จอห์น ฮ้อปกิ้นส์ ในเดือนเมษายน 2553 ซึงผมมองว่าเป็นสปีชเรื่องสถาบันฯทีดีทีสุดในหมู่นักการเมืองไม่ว่าค่ายไหน ในหลายปีมานี้ หรือกรณีประเวศที่เขียนในเดือนมิถุนายน 2554 ในลักษณะคล้ายกัน)

ไม่มีใครมี moral courage (ความกล้าหาญทางคุณธรรม) เพียงพอที่จะออกมาพูดยอมรับความจริงเรื่องนี้
Read More »

ที่จะอ้างว่าผู้นำประเทศสักคนเก่งไปหมดทุกอย่าง?

ไม่นับประเทศอย่างเกาหลีเหนือและอีกบางประเทศ

สมัยนี้ ใครคิดว่า ไม่เป็นการบ้า สติเสียบ้าง ที่จะอ้างว่าผู้นำประเทศสักคนเก่งไปหมดทุกอย่าง? ตั้งแต่การเขียนภาพ แต่งเพลง เขียนหนังสือ ไปถึงเรื่องน้ำ เรืองป่า กีฬา ถ่ายภาพ อีเล็กโทรนิคส์ การคิดค้นประดิษฐ์ การปกครอง ฯลฯ ฯลฯ ทั้งยังเป็นแบบฉบับเพอร์เฟ็คเรื่องความเป็นพ่อ เป็นสามี ทั้งยังมีเมียทีเพอร์เฟ็คเช่นกัน มีลูกทุกคนทีเพอร์เฟ็ค มีหลานที่เพอร์เฟ็ค ... ใครคิดว่า การอ้างแบบนี้ไมใช่อะไรทีเสียสติ? แล้วก็ต้องทุ่มเทงบประมาณหลายๆหมืนล้าน (งบที่พูดกันเรื่องเฉลิมพระเกียรติปีละหมืนล้านน่ะ ไม่ได้นับรวมค่าใช้จ่ายในระบบการศึกษาโดยตรง) เพื่อป้อนข้ออ้างทีเสียสติแบบนี้กันตั้งแต่เด็กๆ?
Read More »

อย่างหนึ่งที่ผมออกจะเสียดายแทนมาโดยตลอด คือ "คุณภาพ" ของบรรดา "วิทยุ-วิดีโอคลิปใต้ดิน"

อย่าง หนึ่งที่ผมออกจะเสียดายแทนมาโดยตลอด คือ "คุณภาพ" ของบรรดา "วิทยุ-วิดีโอคลิปใต้ดิน" ของเสื้อแดง ออกจะไม่ค่อยมีคุณภาพเท่าไร และยิ่งเสียดายมากหลังรัฐประหารในสภาพที่คนในประเทศไม่สามารถพูดหรือเขียน อะไรได้นัก ขณะที่คนทำ "วิทยุุ-คลิปใต้ดิน" เหล่านี้ เรียกว่าทุกคนอยู่ต่างประเทศ

ล่าสุด ในคลิปชูพงศ์ ที่ยกเอากรณีที่สมบัติ ธำรงธัญวงศ์ เสนอเรื่องเลือกนายกฯทางตรง แล้วเชื่อมโยงไปไกลถึงขั้นว่า เป็น "แผน" เปรม ในการล้มราชสกุลมหิดล และสร้างระบบประธานาธิบดีอะไรโน่นเลย ... เสียดาย เพราะที่ผ่านมา ตอนพูดเรื่องพระบรมฯ (ซึงชูพงศ์เป็นคนนึงที่พยายามปรามๆกระแส "เชียร์พระบรมฯ" ในหมู่เสื้อแดง) ผมก็ว่า ชูพงศ์โดยเปรียบเทียบกับเสื้อแดงใต้ดินอืนๆ ยังประเมินพระบรมฯได้ค่อนข้างเป็นจริงหน่อย .. แต่คลิปล่าสุดเรื่องแผนล้มมหิดล สร้างระบบประธานาธิบดีนี่ เรียกว่า "หลุดโลก" ชนิดกลับไม่ได้จริงๆ

ในขณะที่คลิปล่าสุดของ "พี่สุรชัย" ของผม .. ก็เช่นเคย นอกจากไม่เคยยอมรับว่า ที่ตัวเอง "วิเคราะห์" เป็นตุเป็นตะ ตอนเริ่มมีการกวาดล้าง "อัครพงศ์ปรีชา" ว่าเป็น "ศึกชิงบัลลังก์" อะไรน่ะ มันผิดชัดๆ ไม่เกี่ยวกับ "พระเทพ" หรือ "อำมาตย์" ที่ไหนทำ เพื่อล้มพระบรมฯแบบที่ "พี่สุรชัย" "วิเคราะห์" แต่คือพระบรมฯทรงทำเองนั่นแหละ .. มิหนำซ้ำยังพยายาม "ดั้น" ไปเรื่อย .. ที่แย่คือ แค่ข้อมูลพื้นๆ ก็ผิดแล้ว (จริงๆ "พี่สรุชัย" ของผมก็บ่อยอยู่แล้วเรืองนี้ แต่เฉพาะกรณีนี้ มันชวนส่ายหัวจริงๆ) เรื่อง คุณศรีรัศมิ์ ที่ในบัตรประชาชนใช้ "น.ส." น่ะ "พี่สุรชัย" ของผม พูดมั่วไปว่า แสดงว่าคุณศรีรัศมิ์ เธอเป็นเหมือน ท่านผู้หญิงพูนศุข คือ "ไม่ขอรับเกียรติยศใดๆ" คือ ไม่เอาตำแหน่ง "ท่านผู้หญิง" (โถ เธอยังเอาอยู่ครับตำแหน่งนี้ ไม่ได้ประกาศคืนเครื่องราชฯอะไรสักหน่อย) แลัวยังมั่วต่อว่า ทีใช้ "น.ส." เพื่อจะบอกว่า ไม่เคยจดทะเบียนแต่งงานอะไรโน่น (แหม "พี่สุรชัย" ครับ ตกข่าวขนาดไม่รู้หรือครับว่า สมัยนี้ ใช้ "น.ส." ไม่เกี่ยวกับว่า แต่งงานหรือเคยแต่งงานหรือเปล่านะครับ คุณยิ่งลักษณ์ ยังแตงงาน ก็ใช้ "น.ส." ครับ สมัยนี้ แม้แต่กำลังแต่งก็ใช้ "น.ส." ได้ อย่าว่าแต่หย่าแล้ว จะใช้ "น.ส." ยิ่งธรรมดามากๆ)
Read More »

กรณีสวรรคต ในที่สุด รวมศูนย์ลงมาอยู่ที่คำถามเดียว

กรณีสวรรคต ในที่สุด รวมศูนย์ลงมาอยู่ที่คำถามเดียว
กรณีสวรรคตนั้น ‪#‎ถ้าสรุปว่าในหลวงอานันท์ไม่ได้ยิงพระองค์เองแต่ถูกผู้อื่นยิง‬ (ซึ่งเป็นข้อสรุปที่รอยัลลิสต์และศาลยืนยัน และผมเห็นด้วย)
มีผู้ต้องสงสัยจริงๆได้เพียง 2 คนเท่านั้น คือ ไม่ปรีดี* ก็พระอนุชา
(* คำว่า "ปรีดี" ในที่นี้ แน่นอน ไม่ได้หมายถึงปรีดีเป็นคนเดินเข้าไปในห้องบรรทม แต่หมายถึงคนของปรีดี เช่นกรณีที่กล่าวหากันคือ วัชรชัย)

ในเมื่อทางเข้าห้องบรรทมมีทางเดียว ที่ชิต-บุศย์เฝ้าอยู่ ก็หมายความ ไม่ว่า "ปรีดี(วัชรชัย)" หรือพระอนุชา ก็ต้องเดินผ่านเข้าไปในห้องบรรทม โดยชิต-บุศย์ เห็นและยอมให้เข้าไป
แต่ชิต-บุศย์ ยืนกรานโดยตลอดว่า ไม่มีใครเข้าไปในห้องบรรทม
หมายความว่า #ถ้าสรุปว่าในหลวงอานันท์ไม่ได้ยิงพระองค์เองแต่ถูกผู้อื่นยิง ชิต-บุศย์ก็ "โกหก" หรือไม่ยอมพูดความจริง
กรณีนี้ทั้งหมดจึงมารวมศูนย์อยู่ที่คำถามเดียวว่า
‪#‎ชิตและบุศย์โกหกให้ปรีดีหรือให้พระอนุชา‬?
Read More »

กรณีสวรรคต ของเว็บไซต์ "ชมรมคนรักในหลวง" (กระทู้ที่ 3 ใน 3 กระทู้)

กรณีสวรรคต ของเว็บไซต์ "ชมรมคนรักในหลวง" (กระทู้ที่ 3 ใน 3 กระทู้) : ว่าด้วย พระอนุชาอยู่ที่ใด เมื่อเสียงปืนดังขึ้น (ต่อ - จบ)

สรุปแล้ว ไม่มีใคร alibi ให้พระอนุชาได้จริงๆว่า ทรงอยู่ในห้องบรรทม-ห้องเครื่องเล่นของพระองค์ ("เดินเข้าๆออกๆระหว่างสองห้องนี้" ตามคำของพระองค์) ขณะเกิดเสียงปืน (ซึ่งพระองค์เป็นคนเดียวที่บอกว่าไม่ได้ยินเสียง) มิหนำซ้ำ พี่เลี้ยงเนื่องยังยืนยันในทางตรงกันข้ามว่า ไม่พบพระอนุชาในสองห้องดังกล่าวด้วยซ้ำ

อย่างไรก็ตาม ขณะที่ไม่มีใครยืนยันให้พระอนุชาได้ว่าทรงอยู่ใน ที่ที่พระองค์บอกว่าอยู่ แต่มีคนยืนยันให้พระองค์ว่า ไม่ได้ทรงอยู่ในห้องบรรทมในหลวงอานันท์ขณะเกิดเสียงปืน (ซึ่งถ้าจริง ก็แปลว่าพระองค์์ไม่ได้เกี่ยวข้องกับการยิงในห้องนั้น) นั่นคือ คำให้การของชิตกับบุศย์ เอง

มหาดเล็กทั้งคู่เล่าว่า พระอนุชาเป็นคนสุดท้ายที่มาบริเวณห้องบรรทมในหลวงอานันท์ คือทรงแวะมาหน้าห้องตรงที่พวกเขานั่งเฝ้าอยู่ เพื่อถามอาการในหลวงอานันท์ แต่พระอนุชาไม่ได้ทรงเข้าไปในห้อง หากเดินกลับไปทางเฉลียงหลังในทิศทางไปยังห้องบรรทมพระอนุชาเอง

งานเกี่ยวกับกรณีสวรรคตที่เชียร์เจ้า-กล่าวหาปรีดี จำนวนมาก ยกเอาคำให้การของชิต-บุศย์นี้มาอ้างเพื่อยืนยันความบริสุทธิ์ไม่เกี่ยวข้อง กับการยิงในหลวงอานันท์ของพระอนุชา แต่คนเหล่านี้ไม่ยอมคิดให้ตลอด และแม้แต่คำพิพากษาลงโทษชิต-บุศย์เองก็ขัดแย้งตัวเองในเรื่องนี้

นั่นคือ ในเมื่อหลักฐานสภาพพระบรมศพและวิถีกระสุนบ่งบอกว่า ในหลวงอานันท์ไม่มีทางจะยิงตัวเอง แต่จะต้องถูกคนอื่นยิง และดังนั้น ก็หมายความว่าจะต้องมีคนเดินเข้าไปในห้องบรรทมในหลวงอานันท์ในเช้าวันนั้น (คนที่เป็น "มือปืน" หรือ "มือยิง")

หมายความว่า ที่ชิต-บุศย์ให้การยืนยันโดยตลอดว่า เช้านั้นไม่มีใครเข้าไปในห้องบรรทมในหลวงอานันท์ก่อนเกิดเสียงปืน เป็นการไม่พูดความจริง หรือ "โกหก" นั่นเอง
แต่ถ้าเช่นนั้น - ถ้าคำให้การของชิต-บุศย์ที่ว่าไม่มีใครเข้าไปในห้องบรรทมในหลวงอานันท์ เชื่อถือไม่ได้ - คำให้การของพวกเขาที่ว่าพระอนุชาไม่ได้เข้าไปในห้องบรรทม ก็ควรต้องถือว่าเป็นส่วนหนึ่งของการเชื่อถือไม่ได้เช่นกัน
ในเมื่อศาลและรอยัลลิสต์ไม่ยอมเชื่อคำให้การของชิต-บุศย์ ก็ไม่ควรเชื่อที่พวกเขาบอกว่าพระอนุชาไม่ได้เข้าไปในห้องบรรทมด้วย
หมายความว่า หนึ่งเดียวที่พอจะยืนยันให้พระอนุชาว่า ไม่ได้อยู่ในห้องบรรทมในหลวงอานันท์ขณะเกิดเสียงปืน คือคำให้การของชิต-บุศย์ เรื่องนี้ ก็ต้องถือว่าตกไป
สรุปแล้ว พระอนุชาอยู่ที่ใดแน่่ เมื่อเกิดเสียงปืน ไม่มีใคร alibi ให้ได้จริงๆ
.......................
ในแง่หนึ่ง คำให้การของชิต-บุศย์ เรื่องพระอนุชาไม่ได้เข้าไปในห้องบรรทมนี้ ซึ่งเป็นอะไรที่ใกล้ที่สุดของการ alibi ให้พระอนุชา ถือเป็นโศกนาฏกรรมสำคัญที่สุดอันหนึ่งของกรณีนี้ทั้งหมด
เพราะการที่พวกเขาให้การเช่นนั้น เท่ากับลบพระอนุชาในฐานะผู้ต้องสงสัยออกไป แต่ถ้าหลักฐานการสวรรคตออกมาในรูปที่ว่า ในหลวงอานันท์ถูกผู้อื่นยิง การที่พวกเขาทำเช่นนี้ ก็เท่ากับโยนความผิดเข้าหาตัวเอง ในฐานะยอมให้คนอื่น (ที่ไม่ใช่พระอนุชา) เข้าไปในห้องบรรทมในหลวงอานันท์ ....

Read More »

กรณีสวรรคต ของเว็บไซต์ "ชมรมคนรักในหลวง" (กระทู้ที่ 1 ใน 3 กระทู้)

กรณีสวรรคต ของเว็บไซต์ "ชมรมคนรักในหลวง" (กระทู้ที่ 1 ใน 3 กระทู้)
เว็บไซต์ "ชมรมคนรักในหลวง" ได้โพสต์บทความกรณีสวรรคต โดยขึ้นต้นก็ด่า "คนเลวทรามที่เป็นนักวิชาการได้พยายามบิดเบือนข้อเท็จจริง" (ใครหว่า อิอิ) http://goo.gl/4ZAfo6
ประเด็นสำคัญของบทความนี้ มีอยู่ประเด็นเดียว ซึ่งผมจะอภิปรายในอีกกระทู้ถัดไป เฉพาะหน้า ขอพูดถึงข้อความทีเว็บไซต์ขึ้นเป็นภาพประกอบ ซึ่งเว็บไซต์หรือคนรักเจ้าจำนวนไม่น้อย เชื่อกันว่าเป็นคำของในหลวงองค์ปัจจุบัน กล่าวถึงในหลวงอานันท์ "....อดคิดถึงพี่ไม่ได้เลยแม้แต่ขณะเดียว ..."
แต่ไหนแต่ไร ผมรู้สึกชอบกลๆกับข้อความนี้ เพราะทั้งโดยคอมมอนด์เซ้นซ์ และโดยทีผมศึกษาอ่านพระราชดำรัสในหลวงองค์ปัจจุบันมานาน สำนวนของประโยคที่อ้างกันนี้ ซึงมีลักษณะ (ถ้าใช้ภาษาสมัยนี้) "ดราม่า" หรือ emotional มาก ไม่น่าจะเป็นอะไรที่ในหลวงจะพูดต่อหน้าคนอื่น หรือให้คนอื่นฟัง (หรือแม้แต่จะพูดกับพระญาติสนิท หรือบริพารใกล้ชิด ก็ไม่คล้ายอีก)
ผมเคยลองค้น จนในทีสุด ก็ไปเจอว่า ข้อความนี้ มีต้นกำเนิดทีน่าสงสัยมาก (dubious origin) คือยิ่งไม่น่าเชื่อว่า จะใช่ข้อความจริง (authentic)
สรุปสั้นๆ คือ มีคนใช้นามปากกาว่า "แหลมสน" เขียนบทความตีพิมพ์ใน นสพ.เกียรติศักดิ์ ในปี 2491 โดยบทความเป็นการสัมภาษณ์ "พระพินิจชนคดี" นายตำรวจที่ควบคุมคดีสวรรคตหลังรัฐประหาร 2490 ตัวบทความหาไม่ได้แล้ว แต่ดำริห์ ปัทมศิริ ได้นำมาตีพิมพ์ซ้ำในหนังสือ "ในหลวงอานันท์ฯกับปรีดี" ในปี 2493 (ซึงตอนหลังโดนปรีดีฟ้องแพ้คดีไป) ในบทความ พระพินิจฯ ได้อ้างว่า ในระหว่างที่เขาเข้าเฝ้าในหลวงทีสวิส เพื่อทูลถามเพิ่มเติมเรืองกรณีสวรรคต ในหลวงได้ทรงเอ่ยข้อความดังกล่าวออกมา (แล้วยังอ้างว่า ในหลวง พูดถึง "พี่นันท์ๆ" ตลอด - นี่ยิ่งเป็นอะไรที่ไม่น่าเป็นไปได้ .. ในหลวงจะใช้คำแบบนี้ต่อหน้าคนอื่น โดยเฉพาะ จนท.ที่ไปสอบสวนอย่างเป็นทางการทำไม? พระองค์น่าจะใช้คำอย่าง "ในหลวง" หรือ "ในหลวงในพระบรมโกศ" มากว่า (หมายถึงในหลวงอานันท์)
ผมเคยเขียนถึงข้อความนี้ ในบทความเกียวกับคำให้การของในหลวงเองในศาลอาญาคดีสวรรคต ปี 2493 ใครสนใจ อ่านได้ที่นี่ http://somsakwork.blogspot.com/2006/09/text-1-2-3.html
ส่วนที่ผมพูดถึงข้อความนี้ เป็นดังนี้ (หรือดูในภาพประกอบด้านขวา ตัวอาจจะเล็กเกินไป หรือมิฉะนั้น ก็แนะนำให้คลิ้กไปดูที่บทความของผมเลย)
.............
อีกครั้งหนึ่ง ทรงให้การต่อพระพินิจชนคดี ซึ่งรัฐบาลหลังการรัฐประหาร ๒๔๙๐ ตั้งให้เป็นนายตำรวจผู้รับผิดชอบคดี เราได้ทราบว่ามีการพระราชทานคำให้การครั้งนี้ จากบทความเรื่อง “เมื่อข้าพเจ้าบินไปสืบกรณีสวรรคต ที่สวิตเซอร์แลนด์” ซึ่งเป็นบันทึกคำสัมภาษณ์พระพินิจชนคดี (โดยผู้ใช้นามว่า “แหลมสน”) ตีพิมพ์ใน เกียรติศักดิ์ ฉบับวันที่ ๒๔ มิถุนายน ๒๔๙๑ พระพินิจชนคดีได้เล่าว่า หลังจากพิจารณาบันทึกคำให้การต่างๆใน “ศาลกลางเมือง” แล้ว เขาและคณะผู้รับผิดชอบคดีลงความเห็นว่า “ยากที่จะคลำหาเงื่อนงำคลี่คลายออกไปได้...จำเป็นจะต้อง...ขอพระราชทานการ สอบสวนพระราชกระแสร์เพิ่มเติมจากสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและพระราชชนนี ผู้ทรงใกล้ชิดกับเหตุการณ์ และบุคคลอื่นๆอีกหลายคนซึ่งล้วนแต่อยู่ในต่างประเทศทั้งนั้น” เขาจึงขอและได้รับอนุมัติจากรัฐบาลให้เดินทางไปยุโรป และได้เข้าเฝ้ารับพระราชทานคำให้การจากทั้ง ๒ พระองค์ที่พระตำหนัก “วิลล่าวัฒนา” พระพินิจชนคดีได้บรรยายการเข้าเฝ้ารับพระราชทานคำให้การด้วยภาษาที่ค่อนข้าง melodramatic ดังนี้
::::::::::::::::
ข้าพเจ้าและคณะใช้เวลาขอพระราชทานการสอบสวนสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวในครั้งแรก ประมาณสองชั่วโมงเศษ ฉลองพระองค์ด้วยสักหลาดสีเกรย์ทั้งชุด ฉลองพระเนตรและพระเกษาซึ่งไม่ค่อยจะทรงพิถีพิถัน อย่างที่เคยประทับเคียงข้างกับในพระบรมโกษฐ์ ที่กรุงเทพฯทุกครั้งคราว อย่างไรก็อย่างนั้น แต่แววพระเนตรนั้นต่างหากที่ทำให้ข้าพเจ้ารู้สึกว่าทรงเศร้าสลดอยู่ไม่วาย และโดยฉะเพาะก็บ่อยครั้ง เมื่อข้าพเจ้าขอพระราชทานกระแสร์รับสั่งถึงภาพเมื่อวันสวรรคต พระอสุชลคลออยู่ในพระเนตรตลอดเวลา ดำรัสตอบกับข้าพเจ้าทุกครั้งด้วยคำว่า “พี่นันท์- -“ อย่างนั้น และ “พี่นันท์- -“ อย่างนี้ แล้วก็บางทีดำรัสเพียงคำว่า “พี่” คำเดียว ก็ทรงสดุดหยุดลงคล้ายกับจะทรงรำลึกถึงภาพในอดีต เมื่อชำเลืองพระเนตรไปพบกับภาพในเรือบตลำน้อยในวังบางปะอิน ในพระบรมโกษฐ์ทรงกรรเชียงอยู่เอื่อยๆ สิ่งนี้แหละที่ทำให้ข้าพเจ้าทวีความลำบากใจยิ่งขึ้น มันเป็นการรบกวนต่อความรู้สึกในพระราชหฤทัยเหลือเกิน ข้าพเจ้าได้ขอรับพระราชทานอภัยในเหตุนี้ ทรงยิ้มระรื่น แต่เต็มไปด้วยความเยือกเย็น รับสั่งว่า
“อดคิดถึงพี่ไม่ได้เลยแม้แต่ขณะเดียว ฉันเคยคิดว่า ฉันจะไม่ห่างจากพี่ตลอดชีวิต แต่มันเป็นเคราะห์กรรม ไม่ได้คิดเลยว่าจะเป็นกษัตริย์ คิดแต่จะเป็นน้องของพี่เท่านั้น”
ข้าพเจ้าได้กราบถวายบังคมทูลซักไซร้ต่อไปในหลายประเด็น ทรงตอบคำถามข้าพเจ้าอย่างเปิดเผยในทุกประเด็นเช่นเดียวกัน การขอพระราชทานสอบสวนในวันแรกนี้ ข้าพเจ้าได้ผ่อนในประเด็นซึ่งไม่รุนแรง และกะทบพระราชหฤทัยนัก เพราะถ้าจะรวบรัดให้เสร็จสิ้นภายในวันเดียวก็จะเป็นการกะทบกระเทือนต่อ พระองค์มากไป ความเศร้าสลดต่อพี่ผู้ร่วมสายโลหิต แม้จะห่างไกลผ่านพ้นมาเกือบสองปีเต็มแล้วก็ยังเป็นความเศร้าที่ข้าพเจ้าเอง ก็พลอยสั่นสะเทือนไปด้วย ข้าพเจ้ากราบถวายบังคมลากลับโฮเต็ลในวันนี้เมื่อได้เวลาพอสมควร รับสั่งถามถึงความสดวกสบายแก่ข้าพเจ้าและคณะ ข้าพเจ้ากราบทูลว่าสดวกเรียบร้อยทุกประการ .................
ข้าพเจ้าใช้เวลาเวียนถวายการสอบสวนสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและพระราชชนนีประมาณ ๔ ครั้ง จึงเสร็จสิ้น การสอบสวนซึ่งนับว่าครบทุกประเด็นที่คณะกรรมการต้องการ นับเป็นการคลี่คลายมูลเหตุสวรรคตอันมหึมา
:::::::::::::::::::::
จากประวัติการทำคดีสวรรคตของพระพินิจชนคดีซึ่งมีทั้งการข่มขู่พยาน และการสร้างพยานเท็จ ทำให้เราควรต้องอ่านทุกอย่างที่เขาเขียนเกี่ยวกับคดีนี้ รวมทั้งรายละเอียดเรื่องการเข้าเฝ้านี้ อย่างไม่น่าเชื่อถือเสมอ จนกว่าจะมีหลักฐานอื่นมายืนยัน น่าเสียดายว่า หลักฐานเกี่ยวกับการสอบปากคำในหลวงในปี ๒๔๙๑ นี้ เช่นเดียวกับการสอบปากคำโดยตำรวจในปี ๒๔๘๙ ข้างต้น น่าจะสูญหายไปหมดแล้ว อย่างไรก็ตาม น่าสังเกตว่าแม้สิ่งที่พระพินิจฯเขียนข้างต้น จะไม่ควรเชื่อถือนัก แต่เฉพาะข้อความที่พระพินิจฯอ้างว่าในหลวงองค์ปัจจุบันทรงรับสั่ง (“อดคิดถึงพี่ไม่ได้เลยแม้แต่ขณะเดียว...ไม่ได้คิดเลยว่าจะเป็นกษัตริย์ คิดแต่จะเป็นน้องของพี่เท่านั้น”) ดูเหมือนจะมีการนำมาอ้างอิงกันต่อๆมา ในลักษณะที่เป็นพระราชดำรัสที่แท้จริง (authentic)

กรณีสวรรคต ของเว็บไซต์ "ชมรมคนรักในหลวง" (กระทู้ที่ 2 ใน 3 กระทู้)
Like · ·
Read More »

Friday, December 19, 2014

กรณีสวรรคต ของเว็บไซต์ "ชมรมคนรักในหลวง" (กระทู้ที่ 2 ใน 3 กระทู้)

กรณีสวรรคต ของเว็บไซต์ "ชมรมคนรักในหลวง" (กระทู้ที่ 2 ใน 3 กระทู้)* : ว่าด้วย พระอนุชาอยู่ที่ใด เมื่อเสียงปืนดังขึ้น
* เดิมผมคิดว่าจะจบเรื่อง "กรณีสวรรคต" ของเว็บไซต์ "ชมรมคนรักในหลวง" เพียง 2 กระทู้ แต่เขียนไปๆ แล้วยาวกว่าที่คาด ต้องยกไปจบอีกกระทู้หนึ่ง (กระทู้ที่ 3)
บทความ "กรณีสวรรคต" ของเว็บไซต์ "ชมรมคนรักในหลวง" มีประเด็นสำคัญอยู่ประเด็นเดียว ตามข้อความนี้
::::::::::::::::
"จากคำให้การของในหลวง และ น.ส.จรูญ ตาละภัฎ ข้าหลวงสมเด็จพระราชชนนีเป็นข้อพิสูจน์ยืนยันว่าในช่วงหลังเกิดเหตุการณ์ เพียงไม่ถึง 1 นาที ในหลวงประทับอยู่ในห้องเครื่องเล่นซึ่งอยู่ติดกับห้องบรรทมของพระองค์ (ระยะทางห่างจากที่เกิดเหตุประมาณ 40 เมตร) เวลาดังกล่าวในหลวงทรงเห็นคนวิ่งผ่านไปทางระเบียงหน้า และได้ยินเสียงสมเด็จพระราชชนนีวิ่งไปพร้อมทรงกรรแสง จึงทรงเสด็จออกจากห้องตามไป แล้วได้พบกับ น.ส.จรูญฯ ที่หน้าห้อง น.ส.จรูญ ได้ตรัสถามว่ามีเหตุอะไรเกิดขึ้น น.ส.จรูญฯตอบว่า ในหลวงทรงยิงพระองค์(เป็นคำกล่าวของนายชิตฯที่กราบทูลต่อสมเด็จพระราชชนนี) ซึ่งคำให้การของ น.ส.จรูญฯ ก็สอดคล้องเป็นเช่นเดียวกันนี้เอง"
::::::::::::::::
นั่นคือประเด็นว่า "พระอนุชา" ทรงอยู่ที่ใดเมื่อเกิดเหตุ พูดตามภาษาการสืบสวนคดีคือ ทรงมี alibi หรือไม่? (ผมขออนุญาตใช้คำฝรั่่งนี้ตลอด ถ้าจะแปลเป็นไทย จะยาวมากถ้าจะครอบคลุมความหมายของคำนี้ให้ครบ คือหมายถึง "มีพยานหลักฐานหรือข้ออ้างว่าไม่ได้อยู่ในที่เกิดเหตุ")
ใครที่อ่านบันทึกการสนทนาของลอร์ดหลุยส์ เม้าท์แบตเตน กับพระองค์เจ้าธานี ที่ผมแปลให้ดูหลายวันก่อน อาจจะจำได้ว่า เมื่อเม้าท์แบตเตนแสดงความสงสัยในตัว "พระอนุชา" พระองค์เจ้าธานีได้แก้ให้ว่า พระอนุชาทรงมี cast-iron alibi คือทรงมี alibi ชนิด "หุ้มเกราะเหล็ก" หรือแน่นหนามาก เพราะพระองค์ไม่ได้อยู่ในที่เกิดเหตุ (ห้องบรรทมในหลวงอานันท์) แต่อยู่ในห้องบรรทมและห้องเครื่องเล่นของพระองค์เอง คนละฟากของอาคาร - นี่คือประเด็นที่ข้อความของบทความเว็บไซต์ "ชมรมฯ" ที่ผมยกมาข้างต้นนำมาอ้างอีก

ปัญหาคือ alibi ของพระอนุชา "แน่นหนาเหมือนหุ้มเกราะเหล็ก" จริงๆหรือ? ในการสืบสวนนั้น ลำพังคำให้การของผู้ที่ต้องสงสัยเอง ที่อ้างว่า ตัวเองไม่ได้อยู่ที่เกิดเหตุ อยู่ที่อืน ไม่นับเป็น alibi ได้จริงๆ คือ สมมุติว่า "ก" บอกว่า ตอนเกิดเหตุยิงกันที่เยาวราช เขาอยู่ที่ลาดพร้าว แต่่ที่ๆเขาอยู่นั้น ไม่มีใครอยู่ด้วยหรือไม่มีหลักฐานเช่่่นภาพถ่ายว่าเขาอยู่ที่นั่นจริงมายืน ยัน เช่นนั้นจะเรียกว่า "ก" มีalibi จริงๆไม่ได้ คือ จะอาศัยเพียงคำให้การของเขาว่าเขาอยู่ไหนมาบอกว่าเขามี alibi แล้วจริงๆ (มี alibi ที่ดี หรือที่แน่นหนาจริงๆ) ไม่ได้

ดังนั้น ในกรณีนี้ โดยหลักการสืบหาว่าเกิดอะไรขึ้นในกรณีสวรรต จะบอกว่า "จากคำให้การของในหลวง.....เป็นข้อพิสูจน์ยืนยันว่าในช่วงหลังเกิดเหตุการณ์ เพียงไม่ถึง 1 นาที ในหลวงประทับอยู่ในห้องเครื่องเล่นซึ่งอยู่ติดกับห้องบรรทมของพระองค์" ก็ไม่มีความหมายอะไร คือจะอ้างว่าในหลวงบอกว่าอยู่ทีใด ก็เป็น "ข้อพิสูจน์" แล้ว ไม่ได้ แต่หนังสือนิยมเจ้าหลายเล่มอาศัยการที่ในประเทศไทย ถ้าในหลวงพูดอะไร ต้องถือเป็นความจริงหมด ตั้งคำถามหรือเสนอแย้งไม่ได้ (เช่นในหลวงบอกว่า ไม่เคยทำผิดรัฐธรรมนูญ ก็ต้องถือว่าเป็นความจริงทีว่าในหลวงไม่เคยทำผิดรัฐธรรมนูญ) ก็อ้างคำให้การของในหลวงนี่แหละเป็นสำคัญว่า ไม่ได้ทรงอยู่ในทีเกิดเหตุจริงๆ

"พระอนุชา" หรือในหลวงองค์ปัจจุบันทรงให้การว่า ไม่ได้อยู่ในที่เกิดเหตุ แต่พระองค์มีพยานหรือหลักฐานอะไรยืนยันได้ว่า ทรงอยู่ในห้องบรรทมและห้องเครื่องเล่นของพระองค์จริงๆ ในระหว่างเกิดเสียงปืน?

ในเมื่อลำพังคำให้การของผู้ต้องสงสัยว่าตัวเองไม่ได้อยู่ในที่เกิดเหตุ จะถือเป็น alibi ที่ดีหรือที่แท้จริงไม่ได้ ในที่นี้ ประเด็นที่บทความอ้างเป็น "ข้อพิสูจน์" นั้น จึงมีเพียงคำให้การ น.ส.จรูญ เท่านั้น
แต่คำให้การของ น.ส.จรูญ นั่นเอง ก็มีปัญหา คือ น.ส.จรูญอ้างว่า เจอ "พระอนุชา" ที่บริเวณหน้าห้องตัวเอง หลังจากเกิดเสียงปืนแล้ว และหลังจากนายชิตวิ่งมาบอกพระราชชนนีเรื่อง "ในหลวงอานันท์ยิงพระองค์แล้ว" .. บทความ "กรณีสวรรคต" ก็ยกคำให้การ น.ส.จรูญ พร้อมคำให้การของ "พระอนุชา" เองมาบอกว่า มี "ข้อพิสูจน์" ว่าพระอนุชา อยู่ในห้องนอน-ห้องเครื่องเล่นพระองค์เองขณะเกิดเหตุ
ปัญหาคำให้การของ น.ส.จรูป คือ

(1) ตัว น.ส.จรูญ อยู่ที่่ไหน ไม่มีใครยืนยันได้ คือ น.ส.จรูญ จะอยู่ตรงบริเวณห้องตัวเอง แล้วได้เจอ "พระอนุชา" ตามที่อ้างหรือไม่นั้น ไม่มีใครยืนยัน ตรงข้าม หลังจากบอกว่า เจอพระอนุชาแล้ว น.ส. จรูญให้การต่่อไปว่า ได้วิ่งตามๆคนอื่นไปที่ห้องในหลวงอานันท์ แต่ปรากฏว่า นายฉลาด ผู้ซึ่งเฝ้าสำรับกับข้าวอยู่ตรงเฉลียงหน้า ให้การว่า เห็นคนอื่นๆที่วิ่งๆกันไปทุกคน ยกเว้น น.ส.จรูญ

(2) ถ้าสังเกตให้ดี (และนี่คือสิ่งที่บทความพูด "เว่อร์" ชัดเจน) น.ส.จรูญ อย่างมาก ก็ alibi ให้ว่า "พระอนุชา" หลังเกิดเหตุไม่นาน อยู่บริเวณหน้าห้องของเธอ เธอไม่สามารถ alibi ให้จริงๆ (อย่างที่บทความอ้าง) ว่า พระอนุชา ทรงอยู่ในห้องบรรทม-ห้องเครื่องเล่นของพระองค์เมื่อเกิดเสียงปืน

(3) ต่อเนื่องกัน และอันนี้ ยิ่งสำคัญไปอีก สมมุติว่า น.ส.จรูญ เจอพระอนุชาจริงๆ บริเวณหน้าห้องเธอ ก็ไม่ได้ยืนยันว่า พระอนุชา ไม่ได้อยู่ในห้องบรรทมในหลวงอานันท์ ขณะเกิดเสียงปืน

ลองคิดดูง่ายๆว่า น.ส.จรูญ พบนายชิต ที่มาจากห้องบรรทมในหลวงอานันท์ ก่อนที่จะพบพระอนุชา - ถ้านายชิต สามารถเดิน-วิ่ง เร็วๆมาจากห้องบรรทมในหลวงอานันท์ได้หลังเกิดเสียงปืน พระอนุชาเอง - ‪#‎ถ้าสมมุติพระองค์อยู่ในห้องนอนในหลวงอานันท์ด้วยตอนเกิดเสียงปืน‬ - ก็ย่อมทรงสามารถวิ่ง-เดินเร็วๆ มาถึงบริเวณที่ น.ส.จรูญ บอกว่า พบพระองค์ได้เช่นกัน

นั่นคือ ต่อให้สมมุติว่า น.ส.จรูญ พบพระอนุชาหลังเสียงปืนบริเวณหน้าห้องตัวเองจริง ก็ไม่สามารถยืนยันได้จริงๆว่า พระอนุชา ไม่ใช่อยู่ในห้องบรรทมในหลวงอานันท์ก่อนหน้านั้น คือในระหว่างเกิดเสียงปืน (และเพิ่งมาถึงบริเวณที่ น.ส. จรูญอ้างว่าเจอ หลังนายชิตมาถึงบริเวณนั้นก่อนหน้านั้น)

เอาเข้าจริง ไม่เพียงไม่มีใครยืนยันได้ว่า พระอนุชาอยู่ในห้องบรรทม-ห้องเครื่องเล่นของพระองค์ขณะเกิดเสียงปืนเท่านั้น พระพี่เลี้ยงเนื่องที่อยู่ในห้องบรรทม-ห้องเครืองเล่นของพระอนุชา ยังบอกว่า ไม่เจอใคร รวมทั้งพระอนุชาเอง ขณะเกิดเสียงปืนด้วย

พูดอีกอย่างคือ ไม่มีใครยืนยันหรือ alibi ให้พระองค์ได้จริงๆว่าทรงอยู่ในห้องนอน-ห้องเครื่องเล่นของพระองค์ มิหนำซ้ำ ยังมีคำให้การพระพี่เลี้ยงเนื่องที่อยู่ในนั้น ‪#‎ที่มีนัยยะว่าพระองค์หาได้อยู่ตรงนั้นไม่ขณะเกิดเสียงปืนไม่‬ (พระอนุชาเองทรงบอกว่า ไม่ได้ยินเสียงปืน - อันนี้ความจริงก็แปลก เพราะพระองค์เป็นคนเดียวที่บอกว่า ไม่ได้ยินเสียงปืน คนอื่นได้ยินหมด รวมทั้งพระพี่เลี้ยงเนื่องที่อยู่ในห้องบรรทมของพระองค์ด้วย - แต่อันนี้ ขอผ่านไป)

นี่คือ คำให้การของพระอนุชาต่อศาล ปี 2493

"นายชิต นายบุศย์ นั่งอยู่เฉยๆ ฉันได้ถามเขาว่า ในหลวงพระอาการเป็นอย่างไร ได้รับตอบว่าพระอาการดีขึ้น ใครเป็นผู้ตอบจำไม่ได้ เขาตอบไปว่าทรงสบายดีขึ้น ได้เสด็จห้องสรงแล้ว ต่อจากนั้น ฉันได้เดินไปยังห้องของฉัน เดินไปตามเฉลียงด้านหลัง ตรงเข้าไปในห้องนอนของฉัน แล้วก็เข้าไปในห้องเครื่องเล่น เดินเข้าๆออกๆอยู่ที่สองห้องนี้ ระหว่างนั้นซึ่งเป็นเวลาประมาณ ๙.๒๕ น. ได้ยินเสียงคนร้อง ได้ยินในขณะที่อยู่ในห้องเครื่องเล่น ...."

นี่คือคำให้การของพระพี่เลี้ยงเนื่อง

"ข้าพเจ้าอยู่ในห้องสมเด็จพระราชชนนีเป็นเวลาราว ๒๐ นาที จึงออกจากห้องสมเด็จพระราชชนนีไปทางห้องในหลวงองค์ปัจจุบันโดยเข้าไปจัด ฟิล์มหนัง เมื่อเข้าไปในห้อง ข้าพเจ้าไม่พบใครแม้แต่ในหลวงองค์ปัจจุบัน ซึ่งพระองค์จะเสด็จไปประทับอยู่ที่ไหนในขณะนั้นก็หาทราบไม่ ขณะที่ข้าพเจ้ากำลังจัดฟิล์มหนังอยู่นั้น ก็ได้ยินเสียงดังมาก เป็นเสียงปืน ดังทีเดียวเท่านั้น ข้าพเจ้านึกสงสัยว่าอะไรจึงดังเช่นนั้น จึงรีบออกมาทางระเบียงด้านหลัง ผ่านห้องเครื่องเล่นของในหลวงองค์ปัจจุบัน ห้องบันได พอมาถึงห้องพระภูษาก็ได้ยินเสียงวิ่ง (พยานชี้ให้ดูแผนผัง) ตามระเบียงด้านหน้า ขณะนั้นคะเนว่าไม่ใช่คนเดียว และวิ่งไปทางทิศตะวันออกคืไปทางห้องในหลวงในพระบรมโกศ"

ขอให้สังเกตที่พระอนุชาให้การว่า "เดินเข้าๆออกๆอยูที่สองห้องนี้" คือทรงอยู่ในห้องนอนและห้องเครื่องเล่น ไม่กี่นาทีก่อนเกิดเสียงปืน แต่พระพี่เลี้ยงเนื่องที่เข้าไปจัดฟิล์มในห้องนอนพระอนุชาบอกว่า "ข้าพเจ้าไม่พบใครแม้แต่ในหลวงองค์ปัจจุบัน ซึ่งพระองค์จะเสด็จไปประทับอยู่ที่ไหนในขณะนั้นก็หาทราบไม่" และพระพี่เลี้ยงเนื่อง พอได้ยินเสียงปืน ก็ออกจากห้องนอน "ผ่านห้องเครื่องเล่นของในหลวงองค์ปัจจุบัน" ก็ไม่ได้เจอพระองค์แต่อย่างใด

สรุปแล้ว ขณะเกิดเสียงปืน พระอนุชาจะทรงอยู่ในห้องนอน-ห้องเครื่องเล่น "เดินเข้าๆออกๆอยู่ที่สองห้องนี้" ตามที่ทรงอ้างหรือไม่ ไม่มีใคร alibi ให้พระองค์ได้จริงๆ มีเพียงคำให้การของพระองค์เองเท่านั้น ซึ่งโดยหลักการสืบสวน จะถือวาเป็น alibi ที่ดี ที่ checked out แน่นหนาจริงๆไม่ได้
..............
ผมเคยพูดถึงประเด็นนี้มาก่อน แต่จำเป็นต้องเขียนแบบอ้อมๆกว่านี้ ใครสนใจ ลองดูที่นี่
https://www.facebook.com/photo.php?fbid=148195495233738

หมายเหตุ: ภาพประกอบที่เป็นแผนผังว่าใครอยู่ที่ไหนตอนเกิดเสียงปืนนี้ ผมเอามาจากหนังสือ "กรณีสวรรคต" ของสรรใจ และ วิมลพรรณ ซึ่งเป็นหนังสือโปรเจ้า กล่าวหาปรีดี - แผนผังนี้ความจริงไม่ค่อยถูกต้องนัก โดยเฉพาะกรณี น.ส.จรูญ ในแผนผังจะใส่ที่อยู่ให้อยู่ในห้องบรรทมพระราชชนนี แต่ตามคำให้การของ น.ส.จรูญเอง เธออยู่บริเวณห้องของเธอ เมื่อเกิดเสียงปืน ผมจึง edit แผนผัง โดย "ย้าย" ตำแหน่งตามคำให้การเธอ

อนึ่ง ตามคำให้การของพระอนุชา (ดูที่ผมยกมาในตัวกระทู้นี้) พระองค์ไม่ใช่อยู่ที่ห้องเครื่องเล่นเสียทีเดียว แต่ทรง "เดินเข้าๆออกๆ" ระหว่างห้องเครื่องเล่นกับห้องบรรทมของพระองค์ แผนผังของสรรใจ-วิมลพรรณ fix ตำแหน่งของพระองค์ไว้ที่ห้องเครื่องเล่นเท่านั้น ซึ่งไม่ตรงกับคำให้การนัก แต่ผมปล่อยไว้ตามแผนผัง

กรณีสวรรคต ของเว็บไซต์ "ชมรมคนรักในหลวง" (กระทู้ที่ 3 ใน 3 กระทู้)

Read More »