ผมเคยอ่านหนังสือของอาจารย์ กฎหมายท่านหนึ่ง (ซึ่งผมจำไม่ได้แล้วว่าเป็น ใคร)
มีอยู่ตอนหนึ่งในหนังสือ เขียนในทำนองว่า “เมื่อเสียงปืนดังขึ้น
นักกฎหมายก็นั่งลง” ซึ่งอาจจะแปลความหมายว่า เมื่อมีการรัฐประหารยึดอำนา จ ในห้วงเวลานั้นเป็นห้วงเวลา ที่นักกฎหมายไม่สามารถทำอะไ รได้ การใช้กฎหมายจึงต้องพักไว้ก่อน
เรื่องนี้ในความเห็นของผม ไม่ใช่เรื่องที่ถูกต้องทั้ง หมด
ผมยอมรับว่า การรัฐประหารโดยเผด็จการทหา รนั้น เป็นการทำให้ไม่ว่ากฎหมายใดก็ไร้ความหมาย เพราะในเวลานั้นเป็นช่วงเวล าของการใช้กำลังประหนึ่งการ แข่งขันกันเป็นใหญ่ของบรรดา สัตว์ในป่า ที่ผู้ที่แข็งแกร่งที่สุด จะได้เป็นราชา แน่นอนว่ากฎหมายย่อมไม่สามา รถทำอะไรได้ เมื่อเทียบกับอาวุธปืนที่สา มารถสังหารผู้ที่กล้าท้าทาย กฎหมายจึงเป็นสิ่งไร้ประโยช น์ เพราะคงไม่มีใครกล้ามาท้าทา ยเหล่าเผด็จการทหาร เมื่อไม่มีใครกล้าจะนำกฎหมา ยไปเล่นงานบรรดาเผด็จการ กฎหมายโดยตัวมันเองจึงไม่ศั กดิ์สิทธิ์เพียงพอให้ผู้ยึด อำนาจนั้นเกรงกลัว ดังนั้นโดยตัวของกฎหมายจึงต้องการอาศัยการบังคับใช้อย่ างจริงจังด้วยเช่นกัน
แต่ปัจจุบันนี้เราอยู่ในศตว รรษที่ 21 ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่หลักสิท ธิขั้นพื้นฐาน หลักสิทธิมนุษยชนกลายเป็นสิ่งที่ทั่วโลกให้การรับรอง และยอมรับโดยไม่จำเป็นต้องมีกฎหมายลายลักษณ์อักษรบัญญั ติเอาไว้ จนอาจกล่าวได้ว่าหลักสิทธิม นุษยชนนี้สูงส่งยิ่งกว่ารัฐ ธรรมนูญ ตลอดจนการพัฒนาของเทคโนโลยี ที่ทำให้โลกทั้งใบเชื่อมโยง ติดต่อกัน เสียงปืนที่เคยดังอยู่แค่ใน ประเทศไทยกลับดังก้องไปทั่ว โลก และนานาชาติย่อมมิอาจนิ่งดู ดายหากรัฐบาลไม่ว่าจะประเทศ ใดก็ตามประทุษร้ายต่อประชาช น
ด้วยเหตุที่หลักสิทธิขั้นพื้นฐานและสิทธิมนุษยชนนั้นพั ฒนาไปไกล ไกลเกินกว่าจะมีใครหน้าไหนจ ะหยิบปืนมาใช้ได้ตามใจชอบ นักกฎหมายจึงไม่จำเป็นที่จะ ต้องนั่งลงยามเมื่อเสียงปืน ดังอีกต่อไป เพราะนักกฎหมาย ตลอดจนประชาชนคนอื่นนั้นมีค วามชอบธรรมอยู่เต็มเปี่ยมที่จะลุกขึ้นยืน ชูสามนิ้วเพื่อคัดค้านการปล้นสิทธิของประชาชน
ยิ่งกฎหมายในปัจจุบันทั้งใน ประเทศ และในต่างประเทศ ก็ไม่ยอมรับการช่วงชิงอำนาจ ประหนึ่งสัตว์แย่งชิงการเป็ นจ่าฝูงอีกต่อไป นักกฎหมายในปัจจุบันจึงสามา รถใช้ความชอบธรรมดังกล่าวเพื่อต่อต้านการรัฐประหารได้ เผด็จการทหารคงไม่สามารถไล่ ยิงพวกคุณเป็นผักปลาได้อีก เราต้องไม่ลืมว่า เผด็จการเหล่านี้ไม่มีความช อบธรรมใดๆ ในการได้มาซึ่งอำนาจเลยแม้แ ต่น้อย กลับกลายเป็นว่าบรรดาประชาช นต่างหากที่มีความชอบธรรม เพราะเป็นเจ้าของอำนาจที่แท้จริง
เพราะฉะนั้น ถ้านักกฎหมายยังคงซื่อสัตย์ ต่อกฎหมาย และพร้อมพิทักษ์ไม่ให้ผู้ใด สามารถย่ำยีได้ นักกฎหมายจะต้องลุกขึ้นใช้ก ฎหมายเพื่อกำจัดอำนาจนอกระบ บ เฉกเช่นที่นักกฎหมายเป็นหัว เรี่ยวหัวแรงของการปฏิวัติใ นฝรั่งเศส เมื่อนั้นเราคงต้องเปลี่ยนสำนวนการพูดใหม่ว่า “เมื่อนักกฎหมายยืนขึ้น เสียงปืนก็เงียบลง”
- บุเรงนอง
เรื่องนี้ในความเห็นของผม ไม่ใช่เรื่องที่ถูกต้องทั้ง
ผมยอมรับว่า การรัฐประหารโดยเผด็จการทหา
แต่ปัจจุบันนี้เราอยู่ในศตว
ด้วยเหตุที่หลักสิทธิขั้นพื้นฐานและสิทธิมนุษยชนนั้นพั
ยิ่งกฎหมายในปัจจุบันทั้งใน
เพราะฉะนั้น ถ้านักกฎหมายยังคงซื่อสัตย์
- บุเรงนอง
No comments:
Post a Comment