ข่าวลือหนาหูตั้งแต่ก่อนรัฐ ประหาร คุยวงใน วงนอก กันมาสนุกปากว่า ทหารได้จัดตั้งหน่วยเคลื่อน ที่เร็วทีมละ 4 คน มีประมาณ 1,000 ทีม พร้อมจะเข้าจู่โจมบุคคลสำคั ญเพื่ออุ้มได้ทันทีเมื่อมีรัฐประหาร เพื่อบล็อคการเคลื่อนไหวต่อ ต้านรัฐประหาร
หลังรัฐประหารไม่มีการจู่โจ มเพื่ออุ้มบุคคลสำคัญตามข่า วลือ มีแต่ประกาศเรียกรายงานตัวกับคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เป็นชุดๆ เป็นคณะ แต่ในระหว่างนั้นก็มีข่าววง ในว่า ใครไม่มีรายชื่ออาจจะมีคำสั่งอุ้ มหาย จับตาย และข่าวทีมจู่โจมก็กลับมาอี กครั้ง ทำให้หลายคนกังวลว่าการมีรา ยชื่อกับไม่มีมันเริ่มจะไม่ ต่างกันซะแล้ว เผลอๆ การประกาศเรียกยังดีเสียกว่ าเพราะเข้ากลไกระบบกฎอัยการ ศึกคือควบคุมตัวได้ไม่เกิน 7 วัน และยังมีการจับตามองจากเครื อข่ายนักสิทธิมนุษยชนจากต่า งประเทศ มีคนรู้เห็นว่าเราเข้าไปค่า ยทหาร หรือถ้าเรารู้ตัวว่าจะโดนคดีร้ายแรง ยังตัดสินใจหนีได้ แต่การรอลุ้นประกาศเรียกราย งานตัวก็ยังทำให้คนไม่สบายใ จ บางคนตัดสินใจหนีก่อนดีกว่า ที่จะเรียกรายงานตัวหรือมาอุ้มหาย เพราะเอาเข้าจริงการป้องกัน ตัวของประชาชนภายใต้กฎอัยกา รศึกไม่มีเลย
การส่งต่อข้อความทางไลน์ หรือทางเฟซบุ๊กว่าคุณอยู่ใน กลุ่มอุ้มหาย จับตาย, ไม่มีรายชื่อเรียกรายงานตัว , คสช. เตรียมประกาศเรียกหลายพันคน , มีเตรียมจับคดี 112 อีกหลายพันคน เมื่อได้ยินแบบนี้ ทำให้หลายคนตัดสินใจไปตั้งห ลักที่ประเทศเพื่อนบ้านทันที มีการแถลงข่าวจากฝ่าย พล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา ผช.ผบ.ทบ. ในฐานะหัวหน้าฝ่ายกฎหมาย และกระบวนการยุติธรรม คสช.
ขณะนี้ไม่มีใครอยู่ในความคว บคุมของ คสช.แล้ว และตนคิดว่าไม่น่าจะมีเรียก บุคคลมารายงานตัวเพิ่มเติมแ ล้ว แต่หากมีเงื่อนไขอะไรเพิ่มเ ติมขึ้นมาก็อาจจะเรียกบุคคล เข้ามารายงานตัวได้ ส่วนบุคคลที่ยังไม่ได้มาราย งานตัวนั้น เป็นเรื่องขั้นตอนกฎหมายไม่ เกี่ยวข้องกับ คสช. ที่บุคคลผู้นั้นขัดคำสั่ง และอยู่ในดุลพินิจของศาลว่า จะให้ประกันหรือไม่ แต่ที่ผ่านมาศาลมีความเมตตา มีการแถลงข่าวแบบนี้ทำให้คน ในประเทศรู้สึกคลายกังวลไปไ ด้บ้าง เหมือนเป็นสัญญาณว่า การดำเนินคดีมันมากพอแล้ว เพราะการเรียกไปรายงานตัวแล้วมีคนถูกดำเนินคดีต่อมา ส่วนใหญ่ก็ไม่พ้นเรื่องอาวุ ธกับเกี่ยวกับสถาบันกษัตริย ์ และยังมีข่าวเกี่ยวกับการซ้ อมทรมานให้รับสารภาพอีกหลาย คน
แต่แทนที่เมื่อยุติการเรียก รายงานตัว จะทำให้คนคลายกังวลได้บ้างนั้น ในเวลาเร็วๆนั้นเอง กลับมีข่าวซึ่งยืนยันได้ว่า มีคนถูกทหารไปเชิญตัวที่บ้า น ใช้สิทธิตามประกาศกฎอัยการศึก ควบคุมตัว 7 วันในค่ายทหาร แต่ไม่มีประกาศเรียกชื่อราย งานตัว ซึ่งแต่ละคนที่ถูกทหารมาเชิ ญตัวกลายเป็นคนตัวเล็กตัวน้ อย แกนนำในชุมชน แกนนำในต่างจังหวัด ที่ไม่มีใครรู้จักในวงกว้าง เป็นคนที่เกี่ยวข้องกับการชุมนุมคนเสื้อแดง มีบางคนถูกเชิญตัวไปตอนเช้า และเย็นก็กลับ บางคนถูกเชิญตัวไปหลายวัน รวมถึงทหารไปหาที่บ้าน ค้นบ้าน และไม่เชิญตัว แต่สร้างแรงกดดันมากขึ้นสำห รับแกนนำระดับชุมชนในต่างจั งหวัด เพราะไมรู้สถานการณ์ล่วงหน้ าและบางคนถูกอ้างเรื่องการเ ข้าค้นหายาเสพติด มีข่าวว่ามีคนฆ่าตัวตายจากก รณีเหล่านี้ด้วย
อย่างไรก็ตาม การไม่ประกาศเรียกตัว และข่าวลือต่างๆ เกี่ยวกับการเชิญไปรายงานตั วโดยมีทหารมารับถึงบ้าน ก็ทำให้เกิดการตรวจสอบยาก เพราะไม่มีหน่วยงานที่รับเรื่องช่วยเหลือโดยตรง จนเมื่อถูกแจ้งจับดำเนินคดี อาญานั่นแหละถึงได้มีเรื่อง ถึงองค์กรทนายความ จึงทำให้ทราบว่ามีการเรียกร ายงานตัวจริงๆ หลังมีข่าวว่าจะยุติแล้ว ส่วนคนที่ไม่ถูกดำเนินคดี เมื่อกลับมาก็เลือกที่จะยุติบทบาทอื่นทั้งหมดและไม่ให้ ข่าวกับใครเลย การสร้างแรงกดดันมากขึ้นกับ ประชาชนฝ่ายเสื้อแดง ทหารสามารถละเมิดสิทธิมนุษย ชนได้มากขึ้นและเป็นไปอย่าง เงียบๆ องค์กรต่างประเทศ องค์กรที่ทำเรื่องสิทธิมนุษ ยชน ไม่สามารถเข้าถึงบุคคลที่ถู กละเมิดได้อีกเลย
ทหารยังคงใช้การคุกคามแบบนี้อย่างต่อเนื่อง มีการให้ข่าวจากหัวหน้า คสช. มาเป็นระยะว่าไม่สามารถยกเลิกกฎอัยการศึกได้ เพราะมีคลื่นใต้น้ำ การเข้าค้นบ้านที่สงสัยว่าจ ะทำผิดเกี่ยวกับการค้ายาเสพ ติด บ่อนเถื่อน สถานบันเทิง การจัดระเบียบมอเตอร์ไซค์รั บจ้าง รถตู้ บ้านผู้อิทธิพลต่างๆ แต่การเข้ามาของทหารไม่ได้ทำให้ทุกอย่างหายไป มันยังคงอยู่ เพียงแต่เปลี่ยนมือการเข้าดูแลจากตำรวจมาเป็นทหาร หรือเรียกว่า “การเปลี่ยนที่ส่งส่วย”
สังคมที่อยู่กับข่าวลือ ตรวจสอบไม่ได้ คนที่ได้รับผลกระทบไม่กล้าเ ผชิญหน้าเมื่อถูกกระทำ เพราะประชาชนไร้องค์กรที่จะ ดูแล ความหวังที่จะให้นักการเมือ งช่วยเหลือต้องจบลงไปเพราะไ ม่มีใครออกรับหน้าแทนประชาช น แต่ละคนเผชิญชะตากรรมต่างกั นออกไป กระแสข่าวลือทำงานของมันต่อ ไป ซึ่งเราจะเห็นได้ว่ามันเป็น จริงซะเป็นส่วนใหญ่
แต่ใครเล่าที่จะมายืนยันว่า โดนกระทำอะไร?คนที่ถูกเรียก รายงานตัวยังมีหลักฐานว่าถู กเรียกจริง แต่คนที่ไปถูกเชิญที่บ้านอะ ไรเล่าที่เป็นหลักฐาน? นอกจากบาดแผลในจิตใจที่ได้รับ และจะปรากฏความจริงได้ก็มีค ดีอาญาห้อยท้ายหลังจากถูกซ้ อมทรมานจนต้องยอมรับสารภาพเ พื่อรักษาชีวิตหรือไม่อาจทน ต่อความเจ็บปวดของร่างกายได้ หรือไม่ต้องการให้เพื่อนพวก พ้องต้องชะตาเดียวกัน รับไปคนเดียวจะดีกว่า
จนถึงวันนี้ การคุกคามสิทธิมนุษยชนของทห ารยังไม่หมดไป การจับตามองของทหารไปยังคนที่เคยถูกเรียกรายงานตัว ความเชื่อเรื่องการวางแผนเรียกรายงานตัวหลายพันคนตามรา ยชื่อที่ทหารมีอยู่ในมือ คนเหล่านั้นยังถูกสปอตไลท์ข องทหารส่องอยู่ตลอดเวลา ขึ้นอยู่กับว่าคนนั้นมีอะไร ผิดปกติ ถ้าผิดไปจากที่เขาต้องการให้พวกคุณเป็น ก็จะถูกทหารเข้าไปพบ เอาตัวไปตามขั้นตอนที่วางแผ นไว้
ชีวิตของประชาชนคนไทยในสถาน การณ์ทุกวันนี้เราไม่ต่างกั บ
ในโอชันเนียใน นิยาย“1984” โดยจอร์จ ออร์เวลล์ เป็นรัฐที่มีบิ๊กบราเธอร์
เป็นผู้มีอำนาจสูงสุด และกำหนดพฤติกรรม ความคิด ความเชื่อให้ประชาชนทั้งหมด เป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน ใครคิดต่างจากรัฐ ก็คือศัตรูของรัฐ ในโอชันเนียจึงพยายามใช้อำน าจแห่งบิ๊ก บราเธอร์ในการควบคุมมวลชนทั้งหมดให้มีความคิดภายใต้ประ วัติศาสตร์ชุดเดียวกับผู้มี อำนาจสูงสุดในปัจจุบัน ซึ่งนั่นคือ การใช้ “อำนาจเบ็ดเสร็จ” ในการทำลายปัจเจกชนนิยมของป ระชาชนลง เพราะรัฐไม่ต้องการให้ประชา ชนเกิดปัจเจกภาพ แต่ต้องการให้เกิดอำนาจรวมศูนย์ ซึ่งมีบิ๊กบราเธอร์เป็นศูนย์กลางของจักรวาลเพียงหนึ่งเ ดียว!!!
ร่วมมือร่วมใจกัน อย่ายอมให้อำนาจของ “บิ๊กบราเธอร์ “ เหนือกว่าประชาชน
- แอนน์ แฟรงก์
หลังรัฐประหารไม่มีการจู่โจ
การส่งต่อข้อความทางไลน์ หรือทางเฟซบุ๊กว่าคุณอยู่ใน
ขณะนี้ไม่มีใครอยู่ในความคว
แต่แทนที่เมื่อยุติการเรียก
อย่างไรก็ตาม การไม่ประกาศเรียกตัว และข่าวลือต่างๆ เกี่ยวกับการเชิญไปรายงานตั
ทหารยังคงใช้การคุกคามแบบนี้อย่างต่อเนื่อง มีการให้ข่าวจากหัวหน้า คสช. มาเป็นระยะว่าไม่สามารถยกเลิกกฎอัยการศึกได้ เพราะมีคลื่นใต้น้ำ การเข้าค้นบ้านที่สงสัยว่าจ
สังคมที่อยู่กับข่าวลือ ตรวจสอบไม่ได้ คนที่ได้รับผลกระทบไม่กล้าเ
แต่ใครเล่าที่จะมายืนยันว่า
จนถึงวันนี้ การคุกคามสิทธิมนุษยชนของทห
ชีวิตของประชาชนคนไทยในสถาน
ร่วมมือร่วมใจกัน อย่ายอมให้อำนาจของ “บิ๊กบราเธอร์ “ เหนือกว่าประชาชน
- แอนน์ แฟรงก์
No comments:
Post a Comment