กระทู้นี้ ต่อเนื่องจากกระทู้ข้างล่างที่เพิ่งโพสต์ไป (กรุณาอ่านก่อน จะขอบคุณ) ที่ผมพูดถึง กรณีสปีชที่มหาวิทยาลัยจอห์น ฮ้อปกิ้นส์ ของ กษิต ภิรมย์ และบทความของประเวศ วะสี ที่พาดพิงถึงอนาคตของสถาบันกษัตริย์ - ถ้าเปรียบเทียบกันแล้ว ผมยังเห็นว่า กษิตพูดได้ตรงและชัดเจนกว่า (และผมมองว่าถ้านับเฉพาะนักการเมืองด้วยกัน ไม่ว่าค่ายไหน เป็นสปีชเรื่องสถาบันฯที่ดีทีสุด)
เอาทั้งคู่มาโพสต์อีกครั้ง สำหรับใครที่ยังไม่เคยเห็น หรือลืมๆไป
:::::::::::::::::::::
กษิต ภิรมย์ มหาวิทยาลัยจอห์น ฮ้อปกิ้นส์ 12 เมษายน 2553:
".... ผมคิดว่า เราต้องพูดเกี่ยวกับสถาบันกษัตริย์ [ว่า] สถาบันกษัตริย์จะต้องปฏิรูปตัวเองอย่างไรให้สอดคล้องกับโลกยุคโลกาภิวัฒน์ สมัยใหม่ เช่นเดียวกับที่สถาบันกษัตริย์อังกฤษ, สถาบันกษัตริย์เนเธอแลนด์, เดนมาร์ค, ลิชเต็นสไตน์ ต้องผ่านอะไรมาบ้าง เพื่อปรับตัวเองเข้ากับโลกสมัยใหม่ ...."
".... ผมคิดว่า เราต้องกล้าพอที่จะผ่านสิ่งเหล่านี้ และพูดกันแม้แต่ในประเด็น 'ต้องห้าม' เรื่องสถาบันกษัตริย์. เราต้องทำให้เหมือน ลิชเก็นสไตน์ หรือ ลักเซ็มเบิร์ก ที่ต้องผ่านสิ่งเหล่านั้น. ทุกวันนี้ ทุกสิ่งทุกอย่าง [ควร] จะกลายเป็นเรื่องเปิด เพื่อที่จะได้ไม่เป็นอะไรที่ถูกซ่อนไว้ใน 'ยาฮู' หรือ 'กูเกิ้ล' อะไรแบบนั้น ไม่จำกัดเป็นแค่เรื่องถกเถียงกันใต้ดิน ใต้โต๊ะ อะไรแบบนั้น เราต้องซื่อตรงต่อกันและกัน ขอให้เรามาอภิปรายกันในเรื่องเหล่านี้ ...."
:::::::::::::::::::::
ประเวศ วะสี, "ปลดล็อคความไม่สงบหลังเลือกตั้ง" (3 มิถุนายน 2554):
"......การปลดล็อคให้สถาบันไม่เป็นประเด็นที่คนไทยจะต้องมาฆ่ากันตาย ความกลัวว่าจะมีคนมาล้มล้างสถาบันพระมหากษัตริย์เป็นปัจจัยที่จะทำให้คนไทย ฆ่ากันตาย คนไทยทุกฝ่ายควรจะมาร่วมปรึกษาหารือกันว่าจะทำให้สถาบันไม่เป็นประเด็นที่คน ไทยจะต้องฆ่ากันได้อย่างไร ประเทศประชาธิปไตยที่มีสถาบันพระมหากษัตริย์ เช่น อังกฤษ สวีเดน เดนมาร์ค นอร์เวย์ ญี่ปุ่น สถาบันของเขาไม่เป็นประเด็นทางการเมืองที่ผู้คนจะต้องมาทะเลาะกันเลย เราติดอยู่ตรงนี้นานจนบ้านเมืองไม่สามารถก้าวหน้าไปได้อย่างสันติ สมควรที่สังคมไทยจะต้องก้าวข้ามข้อติดขัดทางประวัติศาสตร์ ควรศึกษาดูว่าในประเทศดังกล่าวข้างต้นเขามีกฎหมาย กฎ ระเบียบ ประเพณีปฏิบัติอย่างไร ที่เกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างสถาบันกับระบบการเมือง กับระบบราชการ กับระบบธุรกิจ และกับสังคม ประเด็นไม่น่าจะอยู่ที่การโค่นล้มและการปราบปรามผู้ที่คิดว่าจะคิดโค่นล้ม แต่อยู่ที่การปรับความสัมพันธ์มากกว่า....."
กษิต ภิรมย์ มหาวิทยาลัยจอห์น ฮ้อปกิ้นส์ 12 เมษายน 2553:
".... ผมคิดว่า เราต้องพูดเกี่ยวกับสถาบันกษัตริย์ [ว่า] สถาบันกษัตริย์จะต้องปฏิรูปตัวเองอย่างไรให้สอดคล้องกับโลกยุคโลกาภิวัฒน์ สมัยใหม่ เช่นเดียวกับที่สถาบันกษัตริย์อังกฤษ, สถาบันกษัตริย์เนเธอแลนด์, เดนมาร์ค, ลิชเต็นสไตน์ ต้องผ่านอะไรมาบ้าง เพื่อปรับตัวเองเข้ากับโลกสมัยใหม่ ...."
".... ผมคิดว่า เราต้องกล้าพอที่จะผ่านสิ่งเหล่านี้ และพูดกันแม้แต่ในประเด็น 'ต้องห้าม' เรื่องสถาบันกษัตริย์. เราต้องทำให้เหมือน ลิชเก็นสไตน์ หรือ ลักเซ็มเบิร์ก ที่ต้องผ่านสิ่งเหล่านั้น. ทุกวันนี้ ทุกสิ่งทุกอย่าง [ควร] จะกลายเป็นเรื่องเปิด เพื่อที่จะได้ไม่เป็นอะไรที่ถูกซ่อนไว้ใน 'ยาฮู' หรือ 'กูเกิ้ล' อะไรแบบนั้น ไม่จำกัดเป็นแค่เรื่องถกเถียงกันใต้ดิน ใต้โต๊ะ อะไรแบบนั้น เราต้องซื่อตรงต่อกันและกัน ขอให้เรามาอภิปรายกันในเรื่องเหล่านี้ ...."
:::::::::::::::::::::
ประเวศ วะสี, "ปลดล็อคความไม่สงบหลังเลือกตั้ง" (3 มิถุนายน 2554):
"......การปลดล็อคให้สถาบันไม่เป็นประเด็นที่คนไทยจะต้องมาฆ่ากันตาย ความกลัวว่าจะมีคนมาล้มล้างสถาบันพระมหากษัตริย์เป็นปัจจัยที่จะทำให้คนไทย ฆ่ากันตาย คนไทยทุกฝ่ายควรจะมาร่วมปรึกษาหารือกันว่าจะทำให้สถาบันไม่เป็นประเด็นที่คน ไทยจะต้องฆ่ากันได้อย่างไร ประเทศประชาธิปไตยที่มีสถาบันพระมหากษัตริย์ เช่น อังกฤษ สวีเดน เดนมาร์ค นอร์เวย์ ญี่ปุ่น สถาบันของเขาไม่เป็นประเด็นทางการเมืองที่ผู้คนจะต้องมาทะเลาะกันเลย เราติดอยู่ตรงนี้นานจนบ้านเมืองไม่สามารถก้าวหน้าไปได้อย่างสันติ สมควรที่สังคมไทยจะต้องก้าวข้ามข้อติดขัดทางประวัติศาสตร์ ควรศึกษาดูว่าในประเทศดังกล่าวข้างต้นเขามีกฎหมาย กฎ ระเบียบ ประเพณีปฏิบัติอย่างไร ที่เกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างสถาบันกับระบบการเมือง กับระบบราชการ กับระบบธุรกิจ และกับสังคม ประเด็นไม่น่าจะอยู่ที่การโค่นล้มและการปราบปรามผู้ที่คิดว่าจะคิดโค่นล้ม แต่อยู่ที่การปรับความสัมพันธ์มากกว่า....."
No comments:
Post a Comment