ผม
เริ่มเคลื่อนไหวทางการเมืองครั้งแรก ตั้งแต่สมัยต้านเผด็จการ คมช.
ตามคุณยายและเพื่อนๆของคุณยายมาม็อบสนามหลวง ประมาณปี 2550-2551
ตอนนั้นผมอายุประมาณ 16-17 ปี
ผมเริ่มมาม็อบเองครั้งแรก ที่ราชมังคลาปี 2551 การมาม็อบครั้งแรกนั่นเอง เป็นจุดเปลี่ยนที่ทำให้ผมเพิ่มระดับการศึกษาหาความรู้เรื่องประชาธิปไตย ผมเดินทางมากขึ้นเรื่อยๆ ไปทุกที่ ที่มีการชุมนุม
ผ่านการเคลื่อนไหวครั้งใหญ่ของเสื้อแดงมาสามครั้ง เมษา 2552 เมษา-พฤษภา 2553 และการเคลื่อนไหวที่อักษะ
จนกระทั่งอักษะแตก เกิดการรัฐประหาร เลยมาเคลื่อนไหวต้านรัฐประหารต่อ ในกรุงเทพ ช่วงต้านรัฐประหาร ผมเคลื่อนไหวหนักมาก ไปร่วมต้านรัฐประหารในทุกที่ จนกระทั่งการต้านรัฐประหารของ บก.ลายจุด วันที่ 1 มิถุนา 57 ที่เทอมินัล 21 นี่เอง เป็นจุดพลิกผันที่ทำให้ผมต้องหยุดเคลื่อนไหว
เนื่องจากผมมีความสนิทสนมกับ บก.ลายจุด เพราะทำกิจกรรมร่วมกันมาหลายปีนี่เอง ทำให้เหล่าทหารที่คุมอำนาจอยู่ในตอนนั้น จับจ้องผมเป็นพิเศษ
ผมต้องหลบหนีการจับจ้องของเหล่าทหารทั้งเดือน โดยครั้งแรก ที่ผมรู้ว่าโดนตามคือ เค้ามาขับมอไซต์ตามผมมาหน้าบ้าน หลังจากผมกลับมาจากกิจกรรมที่เทอมินัล สามสี่รอบ ประมาณสองสามคัน มากันนอกเครื่องแบบ มาแบบถี่ๆ
วันนั้น คือวันที่ทำให้ผมตัดสินใจ เก็บกระเป๋า และออกจากบ้าน พร้อมคุณยาย เราสองคนหลบออกจากบ้าน ไปอยู่ที่ที่เรารู้สึกปลอดภัยและไม่ถูกคุกคาม ช่วงนั้นผมหลบการคุกคามไปหลายที่มาก ทั้งกรุงเทพ และต่างจังหวัด
ในระหว่างที่ผมหลบหนี ผมติดต่อกับคนแถวบ้าน ผมจึงได้ทราบว่า เค้าเฝ้าผมอยู่หน้าบ้านประมาณหนึ่งเดือน โดยมีการเปลี่ยนเวรกันไปมาทุกครึ่งวัน
จนกระทั่ง ผมตัดสินใจว่า ผมต้องพลิกวิกฤตินี้เป็นโอกาส ด้วยการบวชพระ
วันที่ผมบวชนั่นเอง ยายผมได้กลับไปบ้าน เพื่อไปทำความสะอาดบ้าน วันนั้นเอง ที่ทหารและตำรวจในเครื่องแบบ บางคนติดอาวุธ บุกเข้ามาบริเวณบ้านผม พร้อมรถทหารอีกสองคัน ประหนึ่งจะมาจับโจร
เค้าบุกเข้ามาในบ้านผม เพื่อมาขอค้นบ้าน เค้าเจอกับยายผม ยายผมก็ถามว่า “มาทำอะไร?” หัวหน้าตำรวจทหารเหล่านั้นก็ตอบว่า “มาค้นบ้านครับ เนื่องจากได้รับแจ้งว่าหลานคุณมียาบ้าในครอบครอง” ยายผมก็ถามว่า “ไหนหละหลักฐาน? ไหนหละหมายจะมาขอตรวจค้น” เค้าก็ตอบว่า “คสช.มีอำนาจเหนือกฏหมาย แค่แจ้งเบาะแสมาก็สามารถตรวจค้นได้โดยที่ไม่ต้องมีหมายใดๆ”
ยายผมก็บอกว่า “เป็นไปไม่ได้ ที่หลานฉันจะมียาบ้าในครอบครองเพราะไม่เคยมีประวัติเหล่านี้เลย ถามเพื่อนๆ ฉันดูได้” ยายผมก็โทรเรียกนายทหารตำรวจในซอยบ้านมาเพื่อยืนยันและช่วยพูดคุย
ยายผมเล่าให้ฟัง ทหารตำรวจหาเหตุผลสารพัดจูงใจให้ยินยอมค้นบ้าน เช่นใส่ไคล้ว่ามีอาวุธบ้าง เกี่ยวข้องกับความรุนแรงบ้าง แต่ก็ไม่เป็นผล เพราะผมไม่เคยมีประวัติเหล่านี้
จนกระทั่งสรุปสุดท้าย เค้าก็บอกตรงๆว่า หลานคุณออกมาต้านรัฐประหาร เป็นแกนนำสามนิ้ว ขอให้หยุดการเคลื่อนไหว เพราะการเคลื่อนไหวนี้เป็นภัยต่อความมั่นคง และอยากให้เรียกหลานคุณมาปรับทัศนคติ
ยายผมจึงบอกไปว่า “ขณะนี้เค้าคงต้องหยุดแล้วหละ เพราะเค้าบวชเป็นพระแล้ว อยู่ที่วัดแห่งหนึ่ง ย่านปทุมธานี ถ้าอยากเชิญเค้า ก็คงต้องไปที่วัดนั้นแล้วหละ”
หลังจากที่เค้ารู้ว่าผมบวช เค้าก็ไม่ได้ตามอะไรผมมากเท่าไหร่ จนกระทั่งท้ายสุด กระแสต้านรัฐประหารซาลง เค้าหยุดการคุกคามผม จนกระทั่งถึงปัจจุบัน
ผมก็ไม่เข้าใจเหมือนกันครับ ว่าผมแค่เคลื่อนไหวต้านรัฐประหาร ทำไมถึงต้องตามผมขนาดนี้
ไปใส่ร้ายผมว่าผมขายยาบ้า มีอาวุธ เกี่ยวข้องกับความรุนแรง
ผมนั่งคิดมาโดยตลอดจนกระทั่งถึงวินาที ที่ผมนั่งเขียนอยู่นี้ ผมก็นั่งเขียนเรื่องราวนี้อยู่ ผมก็นั่งตั้งคำถามกับตัวเองตลอดเวลาว่า “สิ่งที่ผมทำอยู่นั้น มันผิดมากมายถึงขนาดต้องลงทุนตามคุกคามและใส่ร้ายกันขนาดนี้เลยหรือ?”
ผมผิดอะไรหรือครับ วานสังคมช่วยบอกผมทีเถอะ………
- ฟีนิกซ์
ผมเริ่มมาม็อบเองครั้งแรก ที่ราชมังคลาปี 2551 การมาม็อบครั้งแรกนั่นเอง เป็นจุดเปลี่ยนที่ทำให้ผมเพิ่มระดับการศึกษาหาความรู้เรื่องประชาธิปไตย ผมเดินทางมากขึ้นเรื่อยๆ ไปทุกที่ ที่มีการชุมนุม
ผ่านการเคลื่อนไหวครั้งใหญ่ของเสื้อแดงมาสามครั้ง เมษา 2552 เมษา-พฤษภา 2553 และการเคลื่อนไหวที่อักษะ
จนกระทั่งอักษะแตก เกิดการรัฐประหาร เลยมาเคลื่อนไหวต้านรัฐประหารต่อ ในกรุงเทพ ช่วงต้านรัฐประหาร ผมเคลื่อนไหวหนักมาก ไปร่วมต้านรัฐประหารในทุกที่ จนกระทั่งการต้านรัฐประหารของ บก.ลายจุด วันที่ 1 มิถุนา 57 ที่เทอมินัล 21 นี่เอง เป็นจุดพลิกผันที่ทำให้ผมต้องหยุดเคลื่อนไหว
เนื่องจากผมมีความสนิทสนมกับ บก.ลายจุด เพราะทำกิจกรรมร่วมกันมาหลายปีนี่เอง ทำให้เหล่าทหารที่คุมอำนาจอยู่ในตอนนั้น จับจ้องผมเป็นพิเศษ
ผมต้องหลบหนีการจับจ้องของเหล่าทหารทั้งเดือน โดยครั้งแรก ที่ผมรู้ว่าโดนตามคือ เค้ามาขับมอไซต์ตามผมมาหน้าบ้าน หลังจากผมกลับมาจากกิจกรรมที่เทอมินัล สามสี่รอบ ประมาณสองสามคัน มากันนอกเครื่องแบบ มาแบบถี่ๆ
วันนั้น คือวันที่ทำให้ผมตัดสินใจ เก็บกระเป๋า และออกจากบ้าน พร้อมคุณยาย เราสองคนหลบออกจากบ้าน ไปอยู่ที่ที่เรารู้สึกปลอดภัยและไม่ถูกคุกคาม ช่วงนั้นผมหลบการคุกคามไปหลายที่มาก ทั้งกรุงเทพ และต่างจังหวัด
ในระหว่างที่ผมหลบหนี ผมติดต่อกับคนแถวบ้าน ผมจึงได้ทราบว่า เค้าเฝ้าผมอยู่หน้าบ้านประมาณหนึ่งเดือน โดยมีการเปลี่ยนเวรกันไปมาทุกครึ่งวัน
จนกระทั่ง ผมตัดสินใจว่า ผมต้องพลิกวิกฤตินี้เป็นโอกาส ด้วยการบวชพระ
วันที่ผมบวชนั่นเอง ยายผมได้กลับไปบ้าน เพื่อไปทำความสะอาดบ้าน วันนั้นเอง ที่ทหารและตำรวจในเครื่องแบบ บางคนติดอาวุธ บุกเข้ามาบริเวณบ้านผม พร้อมรถทหารอีกสองคัน ประหนึ่งจะมาจับโจร
เค้าบุกเข้ามาในบ้านผม เพื่อมาขอค้นบ้าน เค้าเจอกับยายผม ยายผมก็ถามว่า “มาทำอะไร?” หัวหน้าตำรวจทหารเหล่านั้นก็ตอบว่า “มาค้นบ้านครับ เนื่องจากได้รับแจ้งว่าหลานคุณมียาบ้าในครอบครอง” ยายผมก็ถามว่า “ไหนหละหลักฐาน? ไหนหละหมายจะมาขอตรวจค้น” เค้าก็ตอบว่า “คสช.มีอำนาจเหนือกฏหมาย แค่แจ้งเบาะแสมาก็สามารถตรวจค้นได้โดยที่ไม่ต้องมีหมายใดๆ”
ยายผมก็บอกว่า “เป็นไปไม่ได้ ที่หลานฉันจะมียาบ้าในครอบครองเพราะไม่เคยมีประวัติเหล่านี้เลย ถามเพื่อนๆ ฉันดูได้” ยายผมก็โทรเรียกนายทหารตำรวจในซอยบ้านมาเพื่อยืนยันและช่วยพูดคุย
ยายผมเล่าให้ฟัง ทหารตำรวจหาเหตุผลสารพัดจูงใจให้ยินยอมค้นบ้าน เช่นใส่ไคล้ว่ามีอาวุธบ้าง เกี่ยวข้องกับความรุนแรงบ้าง แต่ก็ไม่เป็นผล เพราะผมไม่เคยมีประวัติเหล่านี้
จนกระทั่งสรุปสุดท้าย เค้าก็บอกตรงๆว่า หลานคุณออกมาต้านรัฐประหาร เป็นแกนนำสามนิ้ว ขอให้หยุดการเคลื่อนไหว เพราะการเคลื่อนไหวนี้เป็นภัยต่อความมั่นคง และอยากให้เรียกหลานคุณมาปรับทัศนคติ
ยายผมจึงบอกไปว่า “ขณะนี้เค้าคงต้องหยุดแล้วหละ เพราะเค้าบวชเป็นพระแล้ว อยู่ที่วัดแห่งหนึ่ง ย่านปทุมธานี ถ้าอยากเชิญเค้า ก็คงต้องไปที่วัดนั้นแล้วหละ”
หลังจากที่เค้ารู้ว่าผมบวช เค้าก็ไม่ได้ตามอะไรผมมากเท่าไหร่ จนกระทั่งท้ายสุด กระแสต้านรัฐประหารซาลง เค้าหยุดการคุกคามผม จนกระทั่งถึงปัจจุบัน
ผมก็ไม่เข้าใจเหมือนกันครับ ว่าผมแค่เคลื่อนไหวต้านรัฐประหาร ทำไมถึงต้องตามผมขนาดนี้
ไปใส่ร้ายผมว่าผมขายยาบ้า มีอาวุธ เกี่ยวข้องกับความรุนแรง
ผมนั่งคิดมาโดยตลอดจนกระทั่งถึงวินาที ที่ผมนั่งเขียนอยู่นี้ ผมก็นั่งเขียนเรื่องราวนี้อยู่ ผมก็นั่งตั้งคำถามกับตัวเองตลอดเวลาว่า “สิ่งที่ผมทำอยู่นั้น มันผิดมากมายถึงขนาดต้องลงทุนตามคุกคามและใส่ร้ายกันขนาดนี้เลยหรือ?”
ผมผิดอะไรหรือครับ วานสังคมช่วยบอกผมทีเถอะ………
- ฟีนิกซ์
No comments:
Post a Comment