…..........เช้าวันใหม่ ในบรรยากาศเก่าๆ เดิมๆ ก็ปรากฏ
หลังลืมตาตื่นขึ้นจากการพัก ผ่อน ทุกวันนี้ผมนอนเพียงวันละ 3-5 ชั่วโมงแค่นั้น มันอาจจะดูเหมือนน้อยนิด แต่สำหรับผม ผมคิดว่ามันมากพอ เพราะในช่วงหนึ่งวันของผมต่ างต้องมีภารกิจที่ต้องสะสาง มากมาย ทั้งเรื่องเล็กสุดๆ คือเรื่องส่วนตัว จนถึงเรื่องใหญ่สุดคือเรื่อ งบ้านเมือง
...........บางครั้งเราก็หั นกลับมามองดูเพื่อนๆ นักกิจกรรม นักศึกษา รอบตัวเราเอง พร้อมกับคำถามในหัวของเราที่มักไม่มีคำตอบ
คำถามที่ว่า “ เราทำอะไรอยู่ และทำไมต้องทำ ”
ใครจะเชื่อว่าที่ทำอยู่ทุกวันนี้ ผลประโยชน์แม้สตางค์แดงเดีย วก็ไม่เคยได้รับจากใครทั้งนั้น มันยิ่งคิดมันยิ่งรู้สึกว่า เราแตกต่างจากคนรุ่นราวคราว เดียวกัน หรือสิ่งที่หล่อหลอมเรามามั นมีจุดเปลี่ยนแปลงบางอย่างที่พิเศษพิสดารกว่าใครเขาอย่ างนั้นหรือ ?
……….แต่จะว่าไปแล้วผมก็หาใช่เป็นเพียงผู้เดียวที่ยังยื นหยัดทัดทานอำนาจของรัฐบาลท หารอยู่ในเวลานี้ ผมยังมีเพื่อนร่วมอุดมการณ์ อีกมากมายที่พร้อมจะเดินเคี ยงข้างไปพร้อมๆกัน บางครั้งก็คิดสงสัยว่าพวกเข าเหล่านั้น จะมีคำถามในแบบเดียวกับที่เ ราถามตัวเองหรือไม่นะ เพราะบางคนมาจากพื้นฐานครอบ ครัวที่มีฐานะมั่นคง ร่ำรวย มีธุรกิจมากมาย หากเขาจะเลือกนอนอยู่บ้านเฉ ยๆโดยไม่ต้องดิ้นรนก็มีอยู่ มีกิน แต่ไฉนจึงหันเหชีวิตมายืนอยู่บนจุดเสี่ยงเพื่อต่อกรกับ อำนาจรัฐ และไขว่คว้าหาความเสมอภาค เสรีภาพ อันเป็นอุดมคติให้คนยาก คนจนเช่นเดียวกับหลายๆ คนอยู่นี่
แน่นอนว่าบางครั้งผมเองก็รู้สึกน้อยใจบ้าง หากมองไปรอบๆ เห็นหลายคนพร้อมจะอยู่ภายใต้การปกครองเช่นไรก็ได้ ขอแค่ตัวเองใช้ชีวิตได้ตามป กติดังที่เคยอยู่มา ไม่คิดจะหวังให้คุณภาพชีวิต และสังคมเปลี่ยนแปลงให้ดีกว่าที่เป็นอยู่นี้
แต่ที่ผมน้อยเนื้อต่ำใจกว่า นั้น ก็เห็นจะเป็นขบวนการ นิสิต นักศึกษา ที่ดูเหมือนจะเป็นความหวังท้ายๆ อันจะก่อเกิดการเปลี่ยนแปลง ให้กับสังคมไทยเฉกเช่นในอดี ตได้ ก็ใกล้หมดหวังเสียแล้ว หลายกลุ่มที่เคยร่วมกิจกรรม กัน ก็ค่อยๆสยบยอมต่ออำนาจ เกรงกลัวต่อคำสั่งที่ไม่ชอบ ของคณะรัฐบาลทหารไปเสียทุกอ ย่าง ขาดความกล้าหาญเพียงเรื่องน้อยนิดอย่างการตั้งคำถามกับ ผู้ปกครองก็หาได้ใช้สามัญสำ นึกไม่ มันจึงเป็นจุดอ่อนที่ฝ่ายรั ฐบาลทหารกระทำการอย่างไรก็ไ ด้กับประเทศที่มีพลเมืองอ่อ นแอ ขี้แพ้ และขี้กลัวเช่นนี้
การกล่าวเบื้องต้นไม่ได้หมา ยความว่าเราต้องกล้าหาญชาญชัยหยิบจับ เอาอาวุธเข้าประจัญบานกับทห ารแต่อย่างใด แต่ความในใจต้องการเพียงแสด งจุดยืนที่หนักแน่นมั่นคง ว่าเราจะไม่ยอมรับการมีอยู่ ของ คสช. รวมถึงองคาพยพที่แต่งตั้งโด ยคำสั่งของ คสช ด้วย แต่ถ้าหากเห็นว่าที่กล่าวมา นั้นมันหนักหน่วงเกินไปที่จ ะปฏิบัติได้ ผมก็ขอแค่เพียงให้พวกเขาอยู่เป็นกำลังเสริมพลังกาย พลังใจ พลังปัญญา ช่วยสนับสนุน เสมือนเป็นแนวหลังให้กลุ่มเ ล็ก กลุ่มน้อย ที่ต่างเอาชีวิต และอนาคต วางเดิมพันอยู่ในเวลานี้ก็เ ท่านั้นเอง เพราะสุดท้ายแล้วผลประโยชน์ ที่เรามุ่งหวัง มันก็เป็นผลประโยชน์ที่จะตก ทอดไปสู่รุ่นลูกรุ่นหลานของ เราด้วยกันทั้งนั้น
.........ในอีกบางมุมเมื่อข ยายเข้ามาดูอย่างจริงๆจังๆ ในแต่ละกลุ่มที่มีบทบาทขับเ คลื่อนการต่อสู้อยู่ในเวลานี้ก็มีปัญหาอยู่ไม่น้อยเช่น กัน ผมขออธิบายความถึงเพียงขบวน การ นิสิต นักศึกษา และคนรุ่นใหม่นะครับ จากการคลุกคลี ผมรู้สึกว่าการเติบโตมักจะห ยุดลงทุกครั้งเมื่อมีปัญหาอ คติส่วนตัวเกิดขึ้น มันบ่งบอกถึงปัญหาภายในจิตใ จลึกๆ ของหัวขบวนในกลุ่มคนเหล่านี้ ความไม่ไว้วางใจก็เป็นส่วนห นึ่ง การยึดติดภาพของกลุ่ม ของฝูงก็เป็นส่วนหนึ่ง จนทำให้ภาพการขับเคลื่อนสะเ ปะสะปะ ไม่เป็นขบวน การยึดมั่นถือมั่น หรือที่เราเรียกว่าอัตตาในห ลายๆ คนยังคงมีอยู่ และพวกเขายังพยายามสร้างวัฒ นธรรมกลุ่มของพวกเขาให้เกิด ขึ้น ซึ่งจุดนี้ยิ่งตอกย้ำการจำแ นกแยกแยะกลุ่มฉันกลุ่มเธอมา กขึ้นไปอีก
ในด้านยุทธศาสตร์เอง พวกเขาก็ไม่ได้มีการคำนึงถึ งในระยะยาว มันจึงกลายเป็นการซ้อนทับคว ามแหลกเหลวของขบวนการเรียกร้องประชาธิปไตยเสรี ของคนรุ่นใหม่ทำให้ยากต่อกา รร่วมมือร่วมแรงให้เหนียวแน่น เพื่อร่วมกันต่อกรกับศัตรูที่สร้างเครือข่ายโยงใยไว้แข็งแกร่ง มาบดขยี้ไอ้พวก ปีกกล้า ขาแข็งเช่นเราๆ ท่านๆ นี้ละ ดังมีคำกล่าวหนึ่งที่ว่า “คนที่จะทำลายพวกหัวก้าวหน้ าหาใช่ศัตรูไม่ แต่คือพวกเขาเองนั้นแหละที่ จะทำลายกันเอง”
……….สิ่งที่ผมทำได้ในเวลานี้ก็คือ ทำหน้าที่ตัวเองให้ดีที่สุด บางครั้งเราก็รู้สึกว่าเราเ หนื่อย เราท้อ แต่เมื่อใดก็ตามที่เราหันมอ งดูเพื่อนเรา หรือแม้แต่คนที่เรารู้จักเข าต้องสูญเสียอิสรภาพจนถึงต้ องสูญเสียชีวิต มันยิ่งทำให้เรารู้ว่าเราถอ ยไม่ได้ เพราะแรงสั่นสะเทือนที่ทำให้วัยรุ่นอย่างเราต้องตื่นขึ้นมาในเวลานี้ ก็เนื่องจากความเลวร้ายบังเ กิดขึ้นกับคนรอบตัวเรามากขึ้น ทุกวันๆ และทราบว่าหลายคนก็ตื่นขึ้น จากเหตุผลไม่ต่างกัน ดังนั้น จุดนี้จะเป็นจุดที่ผมคิดว่า จะแยกคนสองกลุ่มได้อย่างชัด เจน ว่าเวลานี้ใครสู้เพื่อหวังก ารเปลี่ยนแปลงตามอุดมคติ หรือใครสู้เพื่อหวังผลประโย ชน์บางอย่างจากกระแสของสถาน การณ์ที่เอื้อต่อการแสวงหาป ระโยชน์เข้าตนเช่นนี้
…… ท้ายที่สุด ผมดีใจที่ยังมีหลายๆคนเคียง ข้างกันไป แม้นจะเหนื่อยบ้าง พักบ้าง หรือขัดแย้งกันบ้างแต่ก็ขอใ ห้มีจุดหมายปลายทางเดียวกัน ผมก็พอใจแล้ว ไม่ได้คาดหวังอะไรมาก เพราะรู้ว่าคนเราไม่สามารถใ ห้ใครคิดเหมือนเราได้ ทำเหมือนเราได้ เพราะเขาอาจจะมีเหตุผลของเข าที่ดีกว่าเราก็ย่อมเป็นได้ ความหวังของผมจึงอยู่ที่คนรุ่นใหม่ๆ ที่จะเติบโตขึ้นมาภายใต้ควา มพร้อม และบทเรียนจากคนรุ่นผมที่เกิดจากความผิดพลาดมากมายจนดู เหมือนไม่สามารถเป็นพลังที่ ยิ่งใหญ่มากพอ ไม่สมดั่งที่ประชาชนฝากความ หวัง
หากผมต้องแลกมากับการต้องใช้สรรพกำลังทุกอย่างที่มีถาก ถางทางเพื่อส่งมอบภารกิจอัน สำคัญยิ่งนี้ให้คนรุ่นใหม่เ ข้ามารับไม้ต่อเพื่อสานฝันข องประชาชนต่อไป ผมก็จะทำ
- บุปผาช่อเก่า
หลังลืมตาตื่นขึ้นจากการพัก
...........บางครั้งเราก็หั
คำถามที่ว่า “ เราทำอะไรอยู่ และทำไมต้องทำ ”
ใครจะเชื่อว่าที่ทำอยู่ทุกวันนี้ ผลประโยชน์แม้สตางค์แดงเดีย
……….แต่จะว่าไปแล้วผมก็หาใช่เป็นเพียงผู้เดียวที่ยังยื
แน่นอนว่าบางครั้งผมเองก็รู้สึกน้อยใจบ้าง หากมองไปรอบๆ เห็นหลายคนพร้อมจะอยู่ภายใต้การปกครองเช่นไรก็ได้ ขอแค่ตัวเองใช้ชีวิตได้ตามป
แต่ที่ผมน้อยเนื้อต่ำใจกว่า
การกล่าวเบื้องต้นไม่ได้หมา
.........ในอีกบางมุมเมื่อข
ในด้านยุทธศาสตร์เอง พวกเขาก็ไม่ได้มีการคำนึงถึ
……….สิ่งที่ผมทำได้ในเวลานี้ก็คือ ทำหน้าที่ตัวเองให้ดีที่สุด
…… ท้ายที่สุด ผมดีใจที่ยังมีหลายๆคนเคียง
หากผมต้องแลกมากับการต้องใช้สรรพกำลังทุกอย่างที่มีถาก
- บุปผาช่อเก่า
No comments:
Post a Comment