หลังจากพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชาได้นำเสนอสิ่งที่ เรียกว่า “ค่านิยม ๑๒ ประการ” ต่อสาธารณะชน เมื่อผมได้ฟัง ก็พบว่า ค่านิยมดังกล่าว เป็นค่านิยมแบบไทยโบราณที่พ ยายามยัดเยียดให้กับเยาวชนแ ละคนในสังคม ซึ่งไม่ได้มีความแตกต่างไปจ าก เพลงหน้าที่ของเด็ก (เด็กเอ๋ยเด็กดีต้องมีหน้าที่ ๑๐ อย่างด้วยกัน) แม้แต่น้อย
ตั้งแต่เพลงหน้าที่ของเด็กถูกแต่งขึ้นมาในสมัยจอมพล ป.พิบูลสงคราม เพลงดังกล่าวก็ได้ทำหน้าที่ ปลูกฝังเยาวชนไทยมานักต่อนัก และเยาวชนหลายสิบรุ่นที่เติ บโตมาพร้อมกับค่านิยมสิบประ การในเพลงก็ได้เป็นผู้ใหญ่ที่มีบทบาทหน้าที่สำคัญในประ เทศจำนวนมาก ซึ่งแน่นอนว่ารวมถึงพลเอกปร ะยุทธ์ จันทร์โอชาเองด้วย คำถามคือ ผู้ใหญ่ที่ได้รับการปลูกฝัง ค่านิยมที่สะท้อนผ่านเพลงดั งกล่าว ได้ทำให้สังคมไทยมีความเจริ ญงอกงามทัดเทียมกับนานาอารย ะประเทศหรือไม่
เอาละ ผมจะลองสมมติ พยายามหาเหตุผลมาสนับสนุนค่ านิยม ๑๒ ประการของประยุทธ์ดูแล้วกัน ผมขอยกตัวอย่าง อย่างข้อ ๔ ใฝ่หาความรู้ หมั่นศึกษาเล่าเรียนทั้งทาง ตรง และทางอ้อม ฟังดูผิวเผินย่อมเป็นเรื่อง ที่ดี เราต่างก็อยากเห็นเยาวชนคนไ ทยออกมาอ่านหนังสือ ตั้งใจเรียน ขยันแสวงหาความรู้ แต่ถามว่าการท่องค่านิยมตรง นี้จะสามารถช่วยให้เด็กไทยตั้งใจเรียนมากขึ้นอย่างนั้น หรือเปล่า?
เพราะการให้เด็กไทยท่องไปเรื่อยๆ ประหนึ่งหุ่นยนต์ในทุกๆ เช้าว่า “ข้อ ๔ ใฝ่หาความรู้ หมั่นศึกษาเล่าเรียนทั้งทาง ตรง และทางอ้อม” คงไม่ช่วยให้เด็กไทยหันมาอ่ านหนังสือในช่วงเที่ยงเพื่อ เตรียมการเรียนสำหรับวิชาถั ดไปได้ เมื่อดูจากตำราเรียนและครูผู้สอนที่ยังไร้ประสิทธิภาพ ไม่ดึงดูดให้นักเรียนสนใจใฝ่รู้ การท่องจำข้อความนี้ ก็คงไม่ช่วยให้เด็กไทยตั้งใ จเรียนมากไปกว่าเดิม อาจกล่าวได้ว่า ที่เรายังเห็นเด็กจำนวนมากไ ปเรียนพิเศษ หรืออ่านตำราห่วยๆ ของกระทรวงศึกษาฯ นั้นไม่ได้เกิดจากความสนใจที่มีต่อตัวเนื้อหาวิชาที่เรียน แต่เกิดจากกลัวที่จะสอบเข้า มหาวิทยาลัยไม่ได้เสียมากกว่า
หรือในข้อที่ ๗ เข้าใจเรียนรู้การเป็นประชา ธิปไตย (แปลกที่ข้อนี้มาจากปากของเ ผด็จการฟาสซิสต์) มันฟังดูเป็นเรื่องที่ดี ที่เยาวชนจะตระหนักและมีควา มเข้าใจในระบอบการปกครองแบบ ประชาธิปไตย แต่หากว่าการท่องจำสามารถทำ ให้เยาวชนไทยบรรลุวัตถุประส งค์ข้อนี้ได้แล้ว เราคงจะไม่เห็นการชุมนุมประ ท้วงที่ทำลายประชาธิปไตย เพราะหลายครั้งที่ผู้ประท้ว งพูดตามๆ แกนนำว่า ตนออกมาชุมนุมประท้วงเพื่อเ รียกร้องประชาธิปไตยที่สมบู รณ์ แต่สุดท้ายการกระทำที่ปรากฏ คือ การเรียกร้องทหารให้มาทำรัฐ ประหารเพื่อล้มล้างประชาธิป ไตย
เมื่อผมเหลียวมองกลับไป ผมเองผ่านการศึกษาของไทยที่ น่าอัปยศอดสู และได้แต่รู้สึก “เสียดาย” เวลาที่เสียไปกับสิ่งไร้สาร ะที่ไม่ได้ช่วยให้ผมได้รับก ารศึกษาที่มีคุณภาพเลย ผมผ่านการท่องจำต่างๆ นานา ไม่ว่าจะเป็นเพลงเด็กเอ๋ยเด็กดี หรือคำขวัญคติพจน์ต่างๆ ที่ทุกวันนี้ผมเองยังหาคำตอ บไม่ได้ว่าก่อให้เกิดประโยช น์อันใดต่อตัวเอง หรือสังคมรอบข้าง หรือแม้แต่ประเทศด้วยซ้ำ
การที่ประยุทธ์พยายามยามสั่ งสอนและใช้อำนาจเผด็จการแทร กซึมผ่านระบบการศึกษาโดยให้ เด็กไทยท่องค่านิยม ๑๒ ประการ เป็นการบั่นทอนสติปัญญาของเ ด็กไทย ทำให้เด็กไทยคิดไม่เป็น คนในสังคมไม่ควรอยู่นิ่งเฉย ปล่อยให้สิ่งเลวร้ายเหล่านี้ได้รับการยอมรับ การที่มีกลุ่มนักเรียนจำนวน หนึ่งออกมาต่อต้านค่านิยม ๑๒ ประการจึงเป็นสิ่งที่ควรได้ รับการสนับสนุนและปกป้อง นักเรียนนักศึกษาควรออกมาต่ อต้าน เพื่อไม่ให้การยัดเยียดค่านิยมของประยุทธ์ทำได้สำเร็จ อันจะเป็นผลร้ายต่อเยาวชนซึ่งเป็นอนาคตของชาติ และท้ายที่สุดเยาวชนไทยของเ ราต้องคิดเป็น เพื่อที่เขาจะได้ตัดสินใจแล ะเลือกเส้นทางชีวิตซึ่งจะเป็นการกำหนดทางเดินของประเทศ ผมหวังว่า พวกเขาจะไม่ล้มเหลวเหมือนกั บคนรุ่นผมที่ไม่สามารถทำให้ ประเทศไทยอยู่บนเส้นทางของวิถีประชาธิปไตยและเจริญก้าว หน้าได้
ค่านิยมที่คนไม่นิยม ก็ควรจะเรียกว่าค่าไม่นิยมเ สียมากกว่านะประยุทธ์เอ๋ย
- บุเรงนอง
ตั้งแต่เพลงหน้าที่ของเด็กถูกแต่งขึ้นมาในสมัยจอมพล ป.พิบูลสงคราม เพลงดังกล่าวก็ได้ทำหน้าที่
เอาละ ผมจะลองสมมติ พยายามหาเหตุผลมาสนับสนุนค่
เพราะการให้เด็กไทยท่องไปเรื่อยๆ ประหนึ่งหุ่นยนต์ในทุกๆ เช้าว่า “ข้อ ๔ ใฝ่หาความรู้ หมั่นศึกษาเล่าเรียนทั้งทาง
หรือในข้อที่ ๗ เข้าใจเรียนรู้การเป็นประชา
เมื่อผมเหลียวมองกลับไป ผมเองผ่านการศึกษาของไทยที่
การที่ประยุทธ์พยายามยามสั่
ค่านิยมที่คนไม่นิยม ก็ควรจะเรียกว่าค่าไม่นิยมเ
- บุเรงนอง
No comments:
Post a Comment