เมื่อมีประกาศกฎอัยการศึก สังคมที่แตกอยู่แล้วก็แตกออ กซ้ำเข้าไปอีก มีทั้งคนเห็นด้วยและไม่เห็น ด้วย มีคนอธิบายการประกาศกฎอัยกา รศึกว่าทำเพื่อกลุ่มของตัวเ อง แกนนำเสื้อแดงบอกว่าให้มวลช นอยู่เฉยๆ และให้ความร่วมมือในการเข้า ไปประชุมปรึกษาหารือกับทหาร เมื่อเหตุการณ์เปลี่ยนเป็นก ารทำรัฐประหารของทหาร ก็เห็นความชัดเจนของประชาชน มีกลุ่มสนับสนุนรัฐประหาร มีฝ่ายต้านรัฐประหารออกมาทั นที ซึ่งก็ชัดเจนอย่างหนึ่งคือก ลุ่มที่ต้านรัฐประหารก็คือกลุ่มค นเสื้อแดง ส่วนฝ่ายคณะกรรมการประชาชนเ พื่อการเปลี่ยนแปลงประเทศไท ยให้เป็นประชาธิปไตยที่สมบู รณ์อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเ ป็นประมุข (กปปส.) ก็ดีใจเพราะว่าในการชุมนุมก็เรียกร้องให้ทหารได้ออกมาทำให้บ้านเมืองเดินหน้าได้ ส่วนคนที่เพิกเฉยและรอดูสถา นการณ์ก็มีไม่ใช่น้อย
เมื่อคณะรัฐประหารได้ประกาศ ใช้รัฐธรรมนูญชั่วคราวมี 48 มาตรา ให้แต่งตั้งตำแหน่งสภานิติบบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) 220 คน สภาปฏิรูปแห่งชาติ 2557 (สปช.) อีกจำนวน 250 คน เป็นโอกาสของคนต่างๆ ที่อยากเข้าไปมีส่วนร่วมทาง การเมือง โดยผ่านการคัดเลือกจากคณะรั ฐประหาร ทำให้เกิดการตื่นตัวของกลุ่ มคนที่สนับสนุนรัฐประหารที่ อยากเข้าไปมีส่วนร่วม ซึ่งก็เป็นคนกลุ่มที่สนับสนุนรัฐประหาร
อีกพวกก็คือ พวกถือข้างฝ่ายอำนาจรัฐ พวกนี้ไม่สนใจว่าอำนาจรัฐมา จากอะไร ใครมีอำนาจก็เข้าร่วมด้วยท้ังนั้น เพราทำให้เข้าสู่ตำแหน่งทาง การเมือง ได้มีส่วนร่วมการเข้าไปเขีย นรัฐธรรมนูญ บางกลุ่มคนคิดว่านี่คือช่อง ทางที่จะทำให้สามารถทำกฎหมา ยที่เป็นธรรมได้
เมื่อเปิดรับสมัครสภานิติบั ญญัติแห่งชาติ (สนช.) ก็เริ่มเห็นคนรู้จัก เพื่อนในแวดวงการทำงานเดียว กัน เข้าไปเสนอตัว ผ่านกลไกต่างๆไม่ว่าจะออกข่ าว เสนอความคิดผ่านสื่อของแนวท างปฏิรูปประเทศไทย เพื่อทำให้เห็นว่าอยากเข้าไ ปมีส่วนร่วม การไปเสนอตัวเป็น สมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชา ติ (สนช.) นั้นเท่ากับการยอมรับอำนาจที่มาจากทหารอำนาจเผด็จการ ไม่สนใจกลไกลการการเลือกตั้ ง บางคนได้รับรางวัลด้านสิทธิ มนุษยชน ด้านประชาธิปไตยจากต่างประเ ทศด้วยซ้ำ แต่ทางหนึ่งที่ใช้เป็นข้ออ้ างคือการมีส่วนร่วมดีกว่านิ่งเฉย
แต่การคัดเลือก สภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ก็ทำให้หลายคนผิดหวัง เพราะไม่มีชื่อของตัวเองติด โผเลย คนที่ได้คัดเลือกส่วนใหญ่เป็นนายทหารและข้าราชการระดับ สูงซึ่งเห็นได้ชัดว่ามีการว างแผนไว้แล้วว่าจะเอาใครมาเ ป็นสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่ งชาติ (สนช.) คนอื่นๆ เป็นแค่ตัวประกอบเท่านั้น แต่ก็ยังไม่หมดโอกาสเพราะยั งมีอีกสภาหนึ่ง คือสภาปฏิรูปแห่งชาติ 2557 (สปช.) จำนวน 250 คน มีเงื่อนไขคือการส่งตัวแทนจ ากองค์กรนิติบุคคล ให้องค์กรละ 2 คน ในครั้งนี้ได้เห็นคนที่เรีย กตัวเองว่าเป็นนักประชาธิปไ ตย ไม่เอารัฐประหาร นักสหภาพแรงงานเดินทางไปสมั ครกันเป็นจำนวนมาก โดยผ่านองค์กรนิติบุคคลต่าง ๆ
ที่มีอยู่ เช่น วัด สำนักสงฆ์ อาคารชุด สหกรณ์ออมทรัพย์ สหภาพแรงงาน
สภาแรงงาน มูลนิธิ พรรคการเมืองฯลฯ ได้ส่งรายชื่อตัวแทน
เป็นผู้สมัครรับคัดเลือกเป็ น สภาปฏิรูปแห่งชาติ 2557 (สปช.)
แปลกใจหรือเปล่า??? ไม่แปลกใจเลยที่เห็นกลุ่มคน ที่รู้จักออกมาสนับสนุนการรัฐประหาร โดยการให้ความร่วมมือในประเ ด็นต่างๆอย่างเต็มที่ ทั้งๆ ที่ยังมีเพื่อนที่เคยทำงานร่วมกันมาในประเด็นทางสังคม ติดคุก อยู่ระหว่างปล่อยตัวชั่วครา ว (ศาลทหาร) หนีออกนอกประเทศ ไม่สามรถแสดงออกทางการเมือง ได้ ชุมนุมไม่ได้ จัดเสวนาสัมมนาหัวข้อการเมื องไม่ได้ ทั่วประเทศถูกควบคุมโดยทหาร สื่อถูกปิดกัน แต่คนจำนวนหนึ่งเลือกที่จะเ ดินเข้าไปจับมือกับเผด็จการ เพื่อนที่เข้าไปรับใช้ทหารก ็พูดว่า มันเป็นโอกาสที่จะได้เสนอปั ญหาของสังคมให้กับคนที่มีอำ นาจในการจัดการได้อย่างเต็ม ที่ เป็นหนทางโอกาสที่จะปฏิรูปสังคม (ซึ่งก็เห็นพูดซ้ำๆมาอย่างย าวนาน)
แต่เพื่อนๆ เหล่านั้นคงลืมไปอีกว่า คณะรัฐประหารไม่สามารถแก้ปั ญหาอะไรได้เลยไม่ว่าจะในอดี ตหรือปัจจุบัน แถมยังทิ้งผลพวงของรัฐประหา รที่เป็นรูปแบบกฎหมายไว้อีก มากมายจากการออกกฎหมายในระห ว่างรัฐประหาร ปิดกันสิทธิเสรีภาพในการแสด งออกของการต้านรัฐประหาร ออกโพลมาหลอกลวงประชาชนว่าค นจำนวนมากพึงพอใจคณะรัฐประห าร ในทุกวันศุกร์จะมีตัวแทนรัฐ ประหารหรือนายกรัฐมนตรีที่ม าจากการยึดอำนาจ ออกมาพูดถึงแนวทางการบริหาร ประเทศ พูดเรื่องเศรษฐกิจ สังคม การเมือง ในระยะยาว ระยะสั้น ปัญหาเฉพาะหน้า และก็โต้ประเด็นกับบุคคลในร ะดับปัจเจก ไม่มีการพูดถึงแนวที่จะทำให้ประเทศเป็นประชาธิปไตย เช่นการเลือกตั้ง หรือประกาศยกเลิกกฎอัยการศึ ก วิธีการพูดแบบ สั่งสอนแบบขู่ตะคอก พูดไม่คิด นึกอะไรได้ก็พูดพล่ามทุกวัน ศุกร์ครั้งละชั่วโมงกว่าๆ ในบางครั้งพูดเหยียดหยาดศัก ดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ของคนอื่นด้วย เมื่อเห็นภาพทั้งหมดแล้ว ทำให้เข้าใจว่า เพื่อนๆคนรู้จักที่อาสาเข้า ไปรับใช้ทหาร ทั้งทางตรง ทางอ้อม เป็นแนวร่วม ในประเด็นต่างๆนั้น ไม่ได้เกิดจากการบังคับ ไม่เกิดจากจิตใจดีที่ต้องกา รเห็นสังคมเปลี่ยนแปลง แต่เกิดจากความที่อยากได้ผล ประโยชน์ส่วนตัวมากกว่า เกียรติยศ ชื่อเสียง
ในส่วนตัวของตัวเอง เพราะถ้าคนเหล่านี้อยากเห็น สังคมดีขึ้น มีรัฐธรรมนูญที่เป็นธรรม ต้องให้ประชาชนทั้งประเทศมี ส่วนรวมในการตัดสินใจ การที่จะพูดเรื่องประชาธิปไ ตย การช่วยเหลือคนด้อยโอกาส เป็นเพียงรูปแบบที่จะทำให้ค นเห็นว่าเขาทำอะไร แต่เนื้อแท้ของคนเหล่านั้นก ็คือการแสวงหาอำนาจและผลประ โยชน์ของตัวเองและพวกพ้องใน กลุ่มไม่กี่คนเท่านั้น ถึงแม้นเพื่อนๆที่รู้จักกัน ได้แสดงธาตุแท้ออกมาให้เห็น อย่างชัดเจนขนาดนี้ สิ่งที่จะทำร่วมกันได้ในอนา คตคือการจดจำและทำเป็นบันทึ กเอาไว้ เพราะคนเหล่านี้เป็นนักฉวยโ อกาส เมื่อฝ่ายไหนชนะคนพวกนี้จะอ ยู่กับฝ่ายนั้นและยังพูดเรื่องประชาธิปไตยต่อไปเหมือนไ ม่มีอะไรเกิดขึ้น.. สังคมต้องไม่ปล่อยให้พวกฉวย โอกาสได้กลับมาพูดเรื่องประ ชาธิปไตย ปฏิรูปการเมืองอีกต่อไป..
- แอนน์ แฟรงก์
เมื่อคณะรัฐประหารได้ประกาศ
อีกพวกก็คือ พวกถือข้างฝ่ายอำนาจรัฐ พวกนี้ไม่สนใจว่าอำนาจรัฐมา
เมื่อเปิดรับสมัครสภานิติบั
แต่การคัดเลือก สภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ก็ทำให้หลายคนผิดหวัง เพราะไม่มีชื่อของตัวเองติด
แปลกใจหรือเปล่า??? ไม่แปลกใจเลยที่เห็นกลุ่มคน
แต่เพื่อนๆ เหล่านั้นคงลืมไปอีกว่า คณะรัฐประหารไม่สามารถแก้ปั
ในส่วนตัวของตัวเอง เพราะถ้าคนเหล่านี้อยากเห็น
- แอนน์ แฟรงก์
No comments:
Post a Comment