หลังจากรัฐประหารเมื่อวันที่ 22 พฤษภาคม 2557
ข้าพเจ้ากับกลุ่มเพื่อนกลุ่มหนึ่งที่ไม่เห็นด้วยอย่างแน่นอนกับการรัฐประหาร
และต่อต้านการชุมนุมเรียกร้องเพื่อบั่นทอนทำลายกระบวนการประชาธิปไตยในรัฐ
ไทย โดย กปปส. และ คปท. มาแต่แรก ก็ทำกิจกรรมสัญลักษณ์แห่ง
เสรีภาพ ในจุดสำคัญทางการเมืองไทย เหตุการณ์ก็ผ่านไปได้ด้วยดี
ข้าพเจ้าและกลุ่มเพื่อนก็ไม่ได้รับการข่มขู่หรือสั่งห้ามประการใดจากทางทหาร
หรือตำรวจ หลังจากผ่านไปในช่วงบ่ายแก่ๆ
ก็ได้เดินทางไปร่วมกิจกรรมไม่ไกลจากสถานีรถไฟฟ้า BTS มากนัก
ซึ่งมีผู้คนเป็นจำนวนมากมาร่วมกิจกรรมนี้
โดยกิจกรรมข้าพเจ้าก็ไม่ทราบว่าใครเป็นผู้จัดงานอย่างชัดเจน
ไม่ทราบว่าใครเป็นคนทำงานหลักๆ แต่กิจกรรมดูจะไม่ผ่านไปได้อย่างราบรื่นนัก
กองกำลังทหารก็ถูกส่งเข้ามาตรึงกำลังไว้ตลอด
เสียงก่นด่าไม่พอใจทหารออกมาจากมวลชน บ้างก็เปล่งร้องสุดเสียงว่า
“เลือกตั้ง” บ้าง “No Coup” บ้าง “ทหารออกไป” บ้าง
คนบางส่วนก็เกิดความไม่พอใจต่อทหารเป็นอย่างยิ่งก็พยายามจะเข้าไปปะทะกับ
ทหาร
เพื่อนของข้าพเจ้าและข้าพเจ้าก็ได้เข้าไปช่วยทางทีมงานเพื่อไม่ให้เกิดการ
ปะทะกันระหว่างมวลชนกับทหาร
แต่ก็เป็นการยากอย่างยิ่งเพราะมวลชนก็โกรธเกรี้ยวตะโกนด่า
บางคนพยายามเข้าไปสู้กับทหาร ซึ่งสถานการณ์ไม่ได้เป็นไปโดยดีเลย
ผู้ที่ไฮปาร์กเองก็ไม่ได้ช่วยดึงมวลชนกลับมามากนัก เสียงโทรโข่ง 1
อันจะไปสู้กับเสียงของมวลชนได้อย่างไรเล่า
ในที่สุดผู้ที่ไฮปาร์คและทีมงานของพวกเขาก็หายไปอย่างไร้ร่องรอย
เสียงตะโกนจากความไม่พอใจการยึดอำนาจพร้อมกับบางคนที่สุดจะทนกับทหารก็
พยายามเข้าไปให้ใกล้กองกำลังที่ตรึงไว้อีกด้าน
ซึ่งข้าพเจ้ากับเพื่อนไม่มีพลังพอจะช่วยทัดทานเอาไว้ได้
ทางตำรวจก็เข้ามาพูดคุยว่าควรจะยุติดีกว่า ถ้าวุ่นวายกว่านี้ทหารเอาจริงแน่
และเราจะไม่มีพื้นที่ในการแสดงออก
และมวลชนก็ควรกลับบ้านเพราะทหารประกาศเคอร์ฟิว
สถานการณ์ดูจะไม่ดีขึ้นเลย มวลชนจำนวนกว่าพันคนยังคงอยู่ในพื้นที่ไม่ไปไหน และเริ่มค่ำแล้ว สักครู่ก็เห็นรถดับเพลิงมาจอดบริเวณนั้น ซึ่งดูแล้วอาจจะมีการสลายการชุมนุมด้วยแรงดันอัด ข้าพเจ้าเองก็ไม่อยากให้สถานการณ์เป็นไปเช่นนั้น ก็พยายามเดินประกาศถึงมวลชนทุกคน ขอบคุณในพลัง ในความตั้งใจที่ต่อสู้เพื่อประเทศ เวลานี้มืดค่ำแล้ว กลับบ้านไปพักผ่อนเอาแรง เรายังต้องสู้กับพวกเผด็จการกันต่อไป และมีเคอร์ฟิวเดี๋ยวจะกลับบ้านกันไม่ทัน ด้วยพลังเสียงที่ข้าพเจ้าจะพอมีอยู่ ก็ได้กระจายไปพอสมควรจนมวลชนก็ทยอยแยกย้ายกันกลับ
ในขณะที่ข้าพเจ้ากับกลุ่มเพื่อนกำลังประเมินสถานการณ์โดยทั่วไปแล้ว อยู่ๆก็มีความวุ่นวายเกิดขึ้น เมื่อมวลชนที่กำลังกลับบ้านตะโกนว่า “ทหารจับประชาชน” อยู่เรื่อยๆ ข้าพเจ้าก็รีบวิ่งเข้าไปดูสถานการณ์ ปรากฎว่า ทหารประมาณ 6 - 7 คนกำลังพาตัวผู้ชายคนหนึ่งไป คนนั้นคือคนที่ข้าพเจ้ารู้จักด้วย คือ พี่ ป. ในมือก็ชูกระดาษ A4 แผ่นเดียวที่เขียนว่า “NO COUP” ข้าพเจ้าพยายามวิ่งตามไปให้ทัน แล้วข้าพเจ้าก็คว้ามือพี่ ป. ไว้ แล้วดึงตัวออกมา ทหารนายหนึ่งได้เอาปืนสั้นที่ซ่อนไว้ออกมาขู่ข้าพเจ้า ทำเหมือนจะยิง และทหาร 2-3 นายก็ดันตัวข้าพเจ้าออกไป ข้าพเจ้าพยายามเดินพูดตามไล่หลังกลุ่มนายทหาร และพี่ ป. ไปจนถึงแนวกั้นของทหาร ข้าพเจ้าก็ไม่สามารถตามต่อไปได้ ข้าพเจ้าก็หยุดอยู่หน้าแนวกั้นของทหาร ตะโกนพูดให้ปล่อยตัวพี่ ป. อยู่ 5-10 นาที จนกระทั่งมีนายทหารที่เอาปืนขู่ข้าพเจ้าเข้ามาคว้าแขนข้าพเจ้า แล้วบอกให้ทหารอีกคนหนึ่ง เอาตัวข้าพเจ้าไป ข้าพเจ้าพยายามยื้อตัวเองไว้ มีชายวัยกลางคนคนหนึ่งพยายามเกลี้ยกล่อมให้ทหารไม่ต้องเอาตัวข้าพเจ้าไป แต่ทหารไม่ยอมและได้พยายามลากตัวข้าพเจ้า ชายกลางคนคนนั้นเอง กับพี่อีกคนที่ข้าพเจ้ารู้จักได้ดันตัวเข้ามา ทั้งมวลชนและนักข่าวต่างประเทศ ได้ช่วยกันดันตัวข้าพเจ้าจนหลุดออกมาได้ ด้วยความตกใจ ข้าพเจ้าก็รีบวิ่งออกจากจุดนั้นอย่างรีบเร่งไปยังที่ปลอดภัย ข้าพเจ้าจึงรอดมาได้จากเหตุการณ์ครั้งนั้น
วันรุ่งขึ้น ข้าพเจ้าได้เข้าไปชุมนุมที่ McDonald’s ราชประสงค์ หลังจากนั้นในวันต่อมาข้าพเจ้าได้เข้าชุมนุมที่อนุสาวรีย์ชัยฯ ข้าพเจ้าสัมผัสได้โดยตรงว่า มีสายสืบนอกเครื่องแบบติดตามข้าพเจ้าตลอดเวลา ข้าพเจ้าไม่สามารถไปไหนมาไหนคนเดียวได้ ต้องมีเพื่อนติดตามตลอด จนกระทั่งในวันที่ 26 พฤษภาคม ข้าพเจ้าประเมินสถานการณ์แล้วว่าข้าพเจ้าถูกติดตามอย่างหนัก บ่อยครั้งที่มีวัยรุ่นใส่ทองเส้นสองเส้นมาสังเกตข้าพเจ้าด้วยลักษณะแปลกๆ และข้าพเจ้าไม่อยากที่จะเป็นภาระและรบกวนเพื่อนอีกต่อไป ข้าพเจ้าจึงตัดสินใจออกนอกประเทศโดยทันที
- เป็นไท
สถานการณ์ดูจะไม่ดีขึ้นเลย มวลชนจำนวนกว่าพันคนยังคงอยู่ในพื้นที่ไม่ไปไหน และเริ่มค่ำแล้ว สักครู่ก็เห็นรถดับเพลิงมาจอดบริเวณนั้น ซึ่งดูแล้วอาจจะมีการสลายการชุมนุมด้วยแรงดันอัด ข้าพเจ้าเองก็ไม่อยากให้สถานการณ์เป็นไปเช่นนั้น ก็พยายามเดินประกาศถึงมวลชนทุกคน ขอบคุณในพลัง ในความตั้งใจที่ต่อสู้เพื่อประเทศ เวลานี้มืดค่ำแล้ว กลับบ้านไปพักผ่อนเอาแรง เรายังต้องสู้กับพวกเผด็จการกันต่อไป และมีเคอร์ฟิวเดี๋ยวจะกลับบ้านกันไม่ทัน ด้วยพลังเสียงที่ข้าพเจ้าจะพอมีอยู่ ก็ได้กระจายไปพอสมควรจนมวลชนก็ทยอยแยกย้ายกันกลับ
ในขณะที่ข้าพเจ้ากับกลุ่มเพื่อนกำลังประเมินสถานการณ์โดยทั่วไปแล้ว อยู่ๆก็มีความวุ่นวายเกิดขึ้น เมื่อมวลชนที่กำลังกลับบ้านตะโกนว่า “ทหารจับประชาชน” อยู่เรื่อยๆ ข้าพเจ้าก็รีบวิ่งเข้าไปดูสถานการณ์ ปรากฎว่า ทหารประมาณ 6 - 7 คนกำลังพาตัวผู้ชายคนหนึ่งไป คนนั้นคือคนที่ข้าพเจ้ารู้จักด้วย คือ พี่ ป. ในมือก็ชูกระดาษ A4 แผ่นเดียวที่เขียนว่า “NO COUP” ข้าพเจ้าพยายามวิ่งตามไปให้ทัน แล้วข้าพเจ้าก็คว้ามือพี่ ป. ไว้ แล้วดึงตัวออกมา ทหารนายหนึ่งได้เอาปืนสั้นที่ซ่อนไว้ออกมาขู่ข้าพเจ้า ทำเหมือนจะยิง และทหาร 2-3 นายก็ดันตัวข้าพเจ้าออกไป ข้าพเจ้าพยายามเดินพูดตามไล่หลังกลุ่มนายทหาร และพี่ ป. ไปจนถึงแนวกั้นของทหาร ข้าพเจ้าก็ไม่สามารถตามต่อไปได้ ข้าพเจ้าก็หยุดอยู่หน้าแนวกั้นของทหาร ตะโกนพูดให้ปล่อยตัวพี่ ป. อยู่ 5-10 นาที จนกระทั่งมีนายทหารที่เอาปืนขู่ข้าพเจ้าเข้ามาคว้าแขนข้าพเจ้า แล้วบอกให้ทหารอีกคนหนึ่ง เอาตัวข้าพเจ้าไป ข้าพเจ้าพยายามยื้อตัวเองไว้ มีชายวัยกลางคนคนหนึ่งพยายามเกลี้ยกล่อมให้ทหารไม่ต้องเอาตัวข้าพเจ้าไป แต่ทหารไม่ยอมและได้พยายามลากตัวข้าพเจ้า ชายกลางคนคนนั้นเอง กับพี่อีกคนที่ข้าพเจ้ารู้จักได้ดันตัวเข้ามา ทั้งมวลชนและนักข่าวต่างประเทศ ได้ช่วยกันดันตัวข้าพเจ้าจนหลุดออกมาได้ ด้วยความตกใจ ข้าพเจ้าก็รีบวิ่งออกจากจุดนั้นอย่างรีบเร่งไปยังที่ปลอดภัย ข้าพเจ้าจึงรอดมาได้จากเหตุการณ์ครั้งนั้น
วันรุ่งขึ้น ข้าพเจ้าได้เข้าไปชุมนุมที่ McDonald’s ราชประสงค์ หลังจากนั้นในวันต่อมาข้าพเจ้าได้เข้าชุมนุมที่อนุสาวรีย์ชัยฯ ข้าพเจ้าสัมผัสได้โดยตรงว่า มีสายสืบนอกเครื่องแบบติดตามข้าพเจ้าตลอดเวลา ข้าพเจ้าไม่สามารถไปไหนมาไหนคนเดียวได้ ต้องมีเพื่อนติดตามตลอด จนกระทั่งในวันที่ 26 พฤษภาคม ข้าพเจ้าประเมินสถานการณ์แล้วว่าข้าพเจ้าถูกติดตามอย่างหนัก บ่อยครั้งที่มีวัยรุ่นใส่ทองเส้นสองเส้นมาสังเกตข้าพเจ้าด้วยลักษณะแปลกๆ และข้าพเจ้าไม่อยากที่จะเป็นภาระและรบกวนเพื่อนอีกต่อไป ข้าพเจ้าจึงตัดสินใจออกนอกประเทศโดยทันที
- เป็นไท
No comments:
Post a Comment