Sunday, December 7, 2014

" เมื่อผมลี้ภัย " เป็นไท : ตอนพิเศษ 4


หลังจากที่ข้าพเจ้าตัดสินใจเป็นแน่แท้ว่าจะเดินทางออกนอกประเทศ ข้าพเจ้าก็ออกเดินทางในวันที่ ๒๖ พฤษภาคม ๒๕๕๗ การเดินทางออกนอกประเทศครั้งนี้ความรู้สึกไม่เหมือนทุกครั้ง เพราะการไปครั้งนี้ไม่ใช่การท่องเที่ยวที่รู้วันกำหนดกลับ หรือข้าพเจ้าอาจจะไม่มีโอกาสกลับประเทศไทยอันเป็นบ้านเกิดของข้าพเจ้าด้วยซ้ำ ข้าพเจ้าพบเห็นนักท่องเที่ยวเป็นจำนวนมากในประเทศที่ข้าพเจ้าหลบหนีเข้ามา ซึ่งส่วนใหญ่ต้องการออกจากประเทศไทยโดยด่วนอันเนื่องจากสถานการณ์การเมืองไทยที่มีรัฐประหาร และเสี่ยงต่อการเกิดความรุนแรง ข้าพเจ้ามีโอกาสได้คุยกับชาวฟิลิปินส์ ว่าคิดอย่างไรกับรัฐประหารในไทย เขาบอกว่าสถานการณ์ไม่ดีเลย เขารีบหาทางออกนอกประเทศให้เร็วที่สุดดีกว่า ทำไมประเทศ you ไม่ใช้กระบวนการทางประชาธิปไตย ประเทศเราก็มีปัญหาทางการเมือง ปัญหาคอร์รัปชั่น แต่รัฐประหารไม่ใช่ทางออกอย่างแน่นอน

ในขณะที่ข้าพเจ้าเดินทางเพื่อไปเมืองหลวง ก็ปรากฏว่ารถเกิดอุบัติเหตุกลางทาง ได้มีชาวพื้นเมืองเข้ามาสอบถามข้าพเจ้า ว่าเป็นคนไทยเหรอ รออีกสักครู่กำลังเอารถมาเปลี่ยน แล้วเขาก็บอกกับคนอื่นๆว่ามีคนไทยมาด้วย เสียงซุบซิบนินทาก็มากันตลอดทั้งคันรถ ซักครู่ก็มีคนชายคนหนึ่งมาคุยกับข้าพเจ้าเป็นภาษาไทยว่า เมื่อก่อนพวกเราต้องอพยพเข้าประเทศไทย แต่ตอนนี้คนไทยต้องหนีเข้าประเทศพวกเราแล้ว “รัฐประหาร” พวกเราแทบไม่รู้แล้วว่าคืออะไร ไม่มีมานานแล้ว

เมื่อข้าพเจ้าถึงที่ที่พัก ข้าพเจ้าก็พยายามเช็คข่าวสารในเมืองไทยจากหนังสือพิมพ์ภาษาอังกฤษที่พอจะหาอ่านได้ ซึ่งข่าวการรัฐประหารในไทยแม้จะเป็นข่าวใหญ่ แต่ในข่าวส่วนใหญ่ก็ไม่มีเรื่องราวอะไร เป็นการนำเสนอข่าวว่าการรัฐประหารในไทยเหมือนสถานการณ์รอบโลกประจำวัน พาดหัวข่าว Gen Prayuth Chan-o-cha เป็นรูปประยุทธเห็นอยู่ทั่วไป สื่อต่างชาติต่างชี้ว่าสถานการณ์การรัฐประหารในไทยมีการละเมิดสิทธิมนุษยชน มีการควบคุมตัวคนจำนวนหนึ่ง แต่โฆษก คสช. ก็แถลงว่าไม่ได้เป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชน เป็นแค่เรียกเข้ามาทำความเข้าใจ และปรับทัศนคติเท่านั้น

ในวันต่อมา ข่าวกระแสต่อต้านการรัฐประหารในสื่อต่างประเทศก็ครึกโครม การแสดงสัญลักษณ์ ๓ นิ้ว ตามสถานที่ต่างๆ รวมถึงการปิดแมคโดนัลด์ราชประสงค์อย่างมิดชิด ทำให้ผู้คนที่ต่อต้านรัฐประหารเปลี่ยนไปสถานที่อื่นๆทั้ง อนุสาวรีย์ชัยฯ และเทอมินอล 21 มีเพื่อนส่งรูปหนังสือพิมพ์ฉบับหนึ่งมาให้ข้าพเจ้าดู คือ หนังสือพิมพ์คมชัดลึก ที่ระบุว่า “ม็อบต่อต้านกร่อย” ซึ่งมีทิศทางนำเสนอต่างจากหนังสือพิมพ์ต่างประเทศ ข้าพเจ้าก็งงเป็นอย่างมาก เขานำเสนออย่างนี้ได้อย่างไร ทั้งที่ภาพไปสู่สายตาชาวโลกเป็นที่ประจักษ์

สำนักข่าวต่างประเทศหลายที่มาตั้งศูนย์รายงานข่าวการรัฐประหารในไทยที่นี่ (ประเทศที่ข้าพเจ้าลี้ภัยมา) ข้อมูลและภาพจำนวนมากถูกส่งมาที่นี่ การจับผู้ต่อต้านสัญลักษณ์ที่ชูสัญลักษณ์ ๓ นิ้ว รถทหารบรรจุกระสุนกับปืนพร้อมยิงที่ขับมายังบริเวณเทอร์มินอล 21 ที่มีผู้ชุมนุมต่อต้านรัฐประหาร ภาพการเคลื่อนกำลังทหารเป็นจำนวนมากที่เข้ามาในเมือง และภาพการควบคุมตัวผู้ที่มาต่อต้านรัฐประหารมีเป็นจำนวนมาก แต่ในสื่อไทยทั้งสิ่งพิมพ์ วิทยุ โทรทัศน์ โซเชียลมีเดียไม่มีภาพดังกล่าวปรากฏอยู่เลย

ในวันต่อมา ข้าพเจ้าได้รับทราบข้อมูลตลกๆ จากประเทศไทยที่ คสช. มีการแถลงว่า นายทุนตู้ม้าเถื่อนเป็นผู้สนับสนุนการต่อต้านการรัฐประหาร และมีการเผยแพร่คลิปวิดีโอของทหารที่มาประกาศให้มวลชนเดินออกมาแล้วจะเห็นว่าตรงกลางมีคนจ่ายเงินอยู่ พร้อมกับเสียงโห่ร้องตะโกนต่อว่าทหารนายนั้น และภาพที่ผู้คนไม่พอใจรัฐประหารฉีดสเปรย์ใส่รถฮัมวี่ของทหาร และสุดท้ายรายงานข่าวเกี่ยวกับการเรียกตัว ควบคุมตัวที่มีมาตลอด

หลังจากรัฐประหารผ่านไปได้ ๕ วัน พื้นที่ในสื่อต่างประเทศก็เริ่มลดลง แต่ข่าวการเรียกรายงานควบคุมตัวมีอยู่เรื่อยๆ และที่สำคัญคือ ข่าวของการจัดกลุ่มของกลุ่มนักศึกษาที่ลานโพธิ์ ม.ธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์ ซึ่งข่าวนี้ข้าพเจ้าพยายามลองถามเพื่อนที่อยู่ในไทยว่าเป็นข่าวในไทยหรือไม่ ปรากฏว่าน้อยมาก

วันรุ่งขึ้นสำนักข่าวต่างประเทศก็ต่างลงข่าวกิจกรรมที่ลานโพธิ์กันทั้งสิ้น ข้าพเจ้าเสียใจมากที่ไม่ได้ไปร่วม ทำให้ข้าพเจ้าตระหนักว่า เรายังมีนักศึกษาประชาชนผู้รักในสิทธิเสรีภาพ ประชาธิปไตย ต่อต้านอำนาจเผด็จการกันอยู่ ทำให้ข้าพเจ้าตระหนักว่าข้าพเจ้าควรกลับไปยังประเทศไทยอันเป็นบ้านเกิดของข้าพเจ้า ชาติ ก็คือ ประชาชน ข้าพเจ้าต้องกลับไปสู้เคียงบ่าเคียงใหล่กับนักศึกษาประชาชน ประเทศไทยที่ข้าพเจ้าเป็นพลเมืองจะต้องเป็นประชาธิปไตย ทำให้ข้าพเจ้าเดินทางกลับประเทศไทยในอีกวันต่อมา

- เป็นไท
 

No comments:

Post a Comment