ข้ออ้างเรื่องสถาบันกษัตริย์ดีอย่างไร
ที่ยัดเยียดโปรแกรมกันมาตั้งแต่อนุบาลและตลอด 24 ชั่วโมง
ไม่มีความหมายอะไรเลย ในแง่บรรทัดฐานของความจริง
.......
เรื่องนี้ผมเขียนมาเป็นชาติแล้วมั้ง แต่ขอเขียนแบบสรุปอีกทีในวันนี้
ผมเชื่อว่า คนร่วมสมัยใหม่ทุกคน โดยเฉพาะคนที่มีการศึกษา รู้ดีว่า
ไม่ว่าอะไรในโลกมนุษย์ ตั้งแต่เรื่องเล็กๆ อย่าง ร้านอาหารสักร้าน, หนังสักเรื่อง, หนังสือสักเล่ม ไปจนถึงดาราสักคน (หรือที่ยิ่งชัดเจน) นักการเมือง ข้าราชการ คนไหน
ไม่มีอะไรเหล่านี้ ที่จะมีมุมมองหรือการประเมินได้แบบเดียว
ไม่มีใครบ้าทีจะยืนยันว่า เรามอง ร้านอาหารสักร้านหนึง หนังสักเรื่อง หนังสือสักเลม หรือนักการเมืองสักคน ได้แบบเดียว
ไม่มีใครบ้าพอจะยืนยันว่า ถ้าใครสักคนบอกว่า ร้านอาหารร้านนี้สุดยอด หนังเรื่องนี้ดีไม่มีทีติ ฯลฯ ไปจนถึง นักการเมือง x "ทำงานหนัก ทำคุณประโยชน์เพื่อประเทศมหาศาล" ฯลฯ แล้ว #ทุกคน จะต้องมองแบบเดียวกันหมด
และไม่มีใครบ้าพอจะยืนยันว่า จะต้องมีกฎหมายบังคับ ให้เสนอข้อมูลแบบเดียว มุมมองแบบเดียวในเรื่องที่ว่า (ร้านอาหารนี้ ทุกคนจะต้องมองแบบเดียวกันหมดว่าดีเยี่ยม หนังเรื่องนี้ทุกคนต้องมองแบบเดียวหมดว่าสมบูรณ์พร้อม และนักการเมืองคนนี้ ทุกคนต้องมองแบบเดียวหมดว่า "ทำงานหนัก ทำคุณประโยชน์มหาศาล"
นี่เป็นเรื่องสามัญสำนึกที่พื้นๆทีสุด จนไม่มีใครบ้าคิดจะเถียง และไม่มีทางเถียงได้
ทีผิดปกติ ทีผิดธรรมชาติมากๆ คือการที่สถาบันกษัตริย์ อยู่ในฐานะที่มีการบังคับว่า ต้องเสนอข้อมูล และมุมมองได้แบบเดียว ต้องมองได้แบบเดียว
ทีผิดปกติ และเข้าขั้นวิปริต โดยเฉพาะสำหรับคนมีการศึกษาคือ การทีเชื่ออย่างเอาเป็นเอาตาย กับข้อมูล และมุมมองที่นำเสนอแบบด้านเดียว ไม่ให้มีการตรวจสอบ ไม่ให้มีการนำเสนอข้อมูลหรือมุมมองแบบอื่นๆ มาถกเถียง มาประเมิน
(ลองนึกว่า ถ้าร้านอาหารสักร้าน ไปถึงนักการเมืองสักคน มีแตการนำเสนอข้อมูลมุมมองแบบเดียว มีใครจะเชื่อ?)
การนำเสนอข้อมูล มุมมอง ด้านเดียว โดยไม่ให้ตรวจสอบ ไม่ให้โต้แย้ง วิพากษ์วิจารณ์ ไมให้มีการนำเสนอข้อมูล หรือมุมมองหลากหลายออกมา - สิ่งที่เสนอนั้นก็เป็นเพียง #ข้ออ้าง อย่างหนึ่ง ที่ไม่มีความหมายอะไร
ลองสมมุติว่า ถ้ามีใครสักคนบอกว่า ร้านอาหาร "ก" หรือ นักการเมือง x สุดยอด ยอดเยี่ยม แล้วไม่ให้ตรวจสอบ ไม่ให้เสนอข้อมูลมุมมองแบบอื่น สิ่งที่บอกมา จะมีความหมายอะไร? ทุกคนยอมถือว่า #เป็นเพียงข้ออ้างอย่างหนึงเท่านั้น และเป็นการอ้างทีค่อนข้างอยู่ในระดับคุณภาพทีต่ำมากๆด้วย เพราะไม่มีใครบ้า คิดว่า การอ้างด้านเดียว โดยไม่ให้มีการตรวจสอบ เสนอแบบอืน มีคุณภาพความหมายอะไรแน่
แต่ทำไมเรืองสถาบันกษัตริย์ โดยเฉพาะคนทีมีการศึกษา จึงเชื่อหัวปักหัวปำ ทั้งๆที่ สิ่งทีเชื่อนั้น ไม่เคยยอมให้มีการเสนอแบบอื่น ไม่ยอมให้มีการตรวจสอบ ประเมินวิพากษ์วิจารณ์วิจารณ์
จริงๆทั้งหมดที่เขียนมา ไม่เคยมีใครเถียงด้วยเหตุผลได้จริงๆ เพราะมันเป็นอะไรที่ "คอมมอนด์เซ้นส์" ทีทุกคนยอมรับ ในเรื่องอืนๆทุกเรืองอยู่แล้ว
คำตอบเรื่องนี้ ที่ว่า เพราะเรืองสถาบันฯ ไมใช่เรืองของเหตุผล อันทีจริง เป็นความจริงอยู่
คือจริงๆแล้วเรื่องสถาบันกษัตริย์ฯ ทีอ้างๆกันว่า ทำดี ทำงานหนัก สุดยอด ฯลฯ
ไม่มีความหมายอะไรเลย เป็นเพียงข้ออ้างที่ลอยๆ (ดังเหตุผลที่อธิบายมาข้างต้น ที่ไม่มีทางเถียงได้)
แต่ "ฟังชั่น" ของสิ่งที่ไม่มีเหตุผล พิสูจน์ไม่ได้ ไม่มีความหมายอะไรเลยนี้ อยู่ทีอื่น คืออยู่ในลักษณะของการเป็น "ระบบความเชื่อครอบงำ" (ผมใช้คำนี้ในความหมายคำว่า ideology ที่มักจะแปลไทยว่า "อุดมการณ์" ซึงผมเห็นว่า เป็นการแปลที่ไม่ดี แต่เรืองนี้จะยาวเกินกว่าอธิบายในที่นี้)
ประเด็นคือ สังคมสมัยใหม่ ไม่สมควร และอันที่จริง ไม่สามารถ จะขึ้นอยู่กับ "ระบบความเชื่อครอบงำ" ที่ไม่มีเหตุผล ที่ไม่มีความหมายอะไรในฐานะข้อเท็จจริง (เพราะเป็นเพียงข้ออ้างที่ไม่ให้ตรวจสอบพิสูจน์) แบบนี้ได้
ยิ่งพยายามฝืนธรรมชาติ ฝืนการพัฒนาของโลก ที่จะรักษา "ระบบความเชื่อครอบงำ" ที่ไม่มีฐานรองรับด้านเหตุผล ด้านการพิสูจน์ข้อเท็จจริง แบบนี้ไว้ ยิ่งมีแต่ทำให้พลเมืองของสังคมนี้ กลายเป็นคนที่ไร้เหตุผล สูญเปล่า (นึกถึงงบประมาณการศึกษาที่ทุ่มเทแต่ละปี แล้วผลิตคนมีการศึกษา ที่กลับเชื่อหัวปักหัวปำ ในข้อมูล มุมมอง ที่เสนอได้แบบเดียว และไม่ให้ตรวจสอบ)
.......
เรื่องนี้ผมเขียนมาเป็นชาติแล้วมั้ง แต่ขอเขียนแบบสรุปอีกทีในวันนี้
ผมเชื่อว่า คนร่วมสมัยใหม่ทุกคน โดยเฉพาะคนที่มีการศึกษา รู้ดีว่า
ไม่ว่าอะไรในโลกมนุษย์ ตั้งแต่เรื่องเล็กๆ อย่าง ร้านอาหารสักร้าน, หนังสักเรื่อง, หนังสือสักเล่ม ไปจนถึงดาราสักคน (หรือที่ยิ่งชัดเจน) นักการเมือง ข้าราชการ คนไหน
ไม่มีอะไรเหล่านี้ ที่จะมีมุมมองหรือการประเมินได้แบบเดียว
ไม่มีใครบ้าทีจะยืนยันว่า เรามอง ร้านอาหารสักร้านหนึง หนังสักเรื่อง หนังสือสักเลม หรือนักการเมืองสักคน ได้แบบเดียว
ไม่มีใครบ้าพอจะยืนยันว่า ถ้าใครสักคนบอกว่า ร้านอาหารร้านนี้สุดยอด หนังเรื่องนี้ดีไม่มีทีติ ฯลฯ ไปจนถึง นักการเมือง x "ทำงานหนัก ทำคุณประโยชน์เพื่อประเทศมหาศาล" ฯลฯ แล้ว #ทุกคน จะต้องมองแบบเดียวกันหมด
และไม่มีใครบ้าพอจะยืนยันว่า จะต้องมีกฎหมายบังคับ ให้เสนอข้อมูลแบบเดียว มุมมองแบบเดียวในเรื่องที่ว่า (ร้านอาหารนี้ ทุกคนจะต้องมองแบบเดียวกันหมดว่าดีเยี่ยม หนังเรื่องนี้ทุกคนต้องมองแบบเดียวหมดว่าสมบูรณ์พร้อม และนักการเมืองคนนี้ ทุกคนต้องมองแบบเดียวหมดว่า "ทำงานหนัก ทำคุณประโยชน์มหาศาล"
นี่เป็นเรื่องสามัญสำนึกที่พื้นๆทีสุด จนไม่มีใครบ้าคิดจะเถียง และไม่มีทางเถียงได้
ทีผิดปกติ ทีผิดธรรมชาติมากๆ คือการที่สถาบันกษัตริย์ อยู่ในฐานะที่มีการบังคับว่า ต้องเสนอข้อมูล และมุมมองได้แบบเดียว ต้องมองได้แบบเดียว
ทีผิดปกติ และเข้าขั้นวิปริต โดยเฉพาะสำหรับคนมีการศึกษาคือ การทีเชื่ออย่างเอาเป็นเอาตาย กับข้อมูล และมุมมองที่นำเสนอแบบด้านเดียว ไม่ให้มีการตรวจสอบ ไม่ให้มีการนำเสนอข้อมูลหรือมุมมองแบบอื่นๆ มาถกเถียง มาประเมิน
(ลองนึกว่า ถ้าร้านอาหารสักร้าน ไปถึงนักการเมืองสักคน มีแตการนำเสนอข้อมูลมุมมองแบบเดียว มีใครจะเชื่อ?)
การนำเสนอข้อมูล มุมมอง ด้านเดียว โดยไม่ให้ตรวจสอบ ไม่ให้โต้แย้ง วิพากษ์วิจารณ์ ไมให้มีการนำเสนอข้อมูล หรือมุมมองหลากหลายออกมา - สิ่งที่เสนอนั้นก็เป็นเพียง #ข้ออ้าง อย่างหนึ่ง ที่ไม่มีความหมายอะไร
ลองสมมุติว่า ถ้ามีใครสักคนบอกว่า ร้านอาหาร "ก" หรือ นักการเมือง x สุดยอด ยอดเยี่ยม แล้วไม่ให้ตรวจสอบ ไม่ให้เสนอข้อมูลมุมมองแบบอื่น สิ่งที่บอกมา จะมีความหมายอะไร? ทุกคนยอมถือว่า #เป็นเพียงข้ออ้างอย่างหนึงเท่านั้น และเป็นการอ้างทีค่อนข้างอยู่ในระดับคุณภาพทีต่ำมากๆด้วย เพราะไม่มีใครบ้า คิดว่า การอ้างด้านเดียว โดยไม่ให้มีการตรวจสอบ เสนอแบบอืน มีคุณภาพความหมายอะไรแน่
แต่ทำไมเรืองสถาบันกษัตริย์ โดยเฉพาะคนทีมีการศึกษา จึงเชื่อหัวปักหัวปำ ทั้งๆที่ สิ่งทีเชื่อนั้น ไม่เคยยอมให้มีการเสนอแบบอื่น ไม่ยอมให้มีการตรวจสอบ ประเมินวิพากษ์วิจารณ์วิจารณ์
จริงๆทั้งหมดที่เขียนมา ไม่เคยมีใครเถียงด้วยเหตุผลได้จริงๆ เพราะมันเป็นอะไรที่ "คอมมอนด์เซ้นส์" ทีทุกคนยอมรับ ในเรื่องอืนๆทุกเรืองอยู่แล้ว
คำตอบเรื่องนี้ ที่ว่า เพราะเรืองสถาบันฯ ไมใช่เรืองของเหตุผล อันทีจริง เป็นความจริงอยู่
คือจริงๆแล้วเรื่องสถาบันกษัตริย์ฯ ทีอ้างๆกันว่า ทำดี ทำงานหนัก สุดยอด ฯลฯ
ไม่มีความหมายอะไรเลย เป็นเพียงข้ออ้างที่ลอยๆ (ดังเหตุผลที่อธิบายมาข้างต้น ที่ไม่มีทางเถียงได้)
แต่ "ฟังชั่น" ของสิ่งที่ไม่มีเหตุผล พิสูจน์ไม่ได้ ไม่มีความหมายอะไรเลยนี้ อยู่ทีอื่น คืออยู่ในลักษณะของการเป็น "ระบบความเชื่อครอบงำ" (ผมใช้คำนี้ในความหมายคำว่า ideology ที่มักจะแปลไทยว่า "อุดมการณ์" ซึงผมเห็นว่า เป็นการแปลที่ไม่ดี แต่เรืองนี้จะยาวเกินกว่าอธิบายในที่นี้)
ประเด็นคือ สังคมสมัยใหม่ ไม่สมควร และอันที่จริง ไม่สามารถ จะขึ้นอยู่กับ "ระบบความเชื่อครอบงำ" ที่ไม่มีเหตุผล ที่ไม่มีความหมายอะไรในฐานะข้อเท็จจริง (เพราะเป็นเพียงข้ออ้างที่ไม่ให้ตรวจสอบพิสูจน์) แบบนี้ได้
ยิ่งพยายามฝืนธรรมชาติ ฝืนการพัฒนาของโลก ที่จะรักษา "ระบบความเชื่อครอบงำ" ที่ไม่มีฐานรองรับด้านเหตุผล ด้านการพิสูจน์ข้อเท็จจริง แบบนี้ไว้ ยิ่งมีแต่ทำให้พลเมืองของสังคมนี้ กลายเป็นคนที่ไร้เหตุผล สูญเปล่า (นึกถึงงบประมาณการศึกษาที่ทุ่มเทแต่ละปี แล้วผลิตคนมีการศึกษา ที่กลับเชื่อหัวปักหัวปำ ในข้อมูล มุมมอง ที่เสนอได้แบบเดียว และไม่ให้ตรวจสอบ)
No comments:
Post a Comment