Friday, December 5, 2014

(ถึงระดับสมมุติอย่างวิปริตว่าเป็น "พ่อ" ไปโน่นเลย)

สังคม มนุษย์ตั้งแต่ดึกดำบรรพ์ ไม่ว่าที่ไหน ผู้ปกครองไม่ว่าเป็นประเภทไหน พระ-นักบวช, เจ้า, ทหาร พลเรือน ล้วนแต่ exploit หรือ ได้ประโยชน์ หรือฉวยเอาประโยชน์ อย่างขนิด เอาเปรียบ อย่างไม่เป็นธรรม กับผู้ถูกปกครอง ทั้งนั้น ได้ทั้งอำนาจ ทรัพย์ ความสะดวกสบายจากการปกครองทั้่งนั้น

(เจ้าไทยให้ไพร่ทำนาให้ฟรีๆ 6 เดือนต่อปี ออกหน้าไปรบไปตายก่อน เป็นต้น)

ไม่มีผู้ปกครองคนไหน ประเภทไหน ที่มี "บุญคุณ" ต่อผู้ถูกปกครองหรอก (มันสลับกัน) ไม่มีผู้ถูกปกครองทีไหน เป็น "หนี้" อะไรผู้ปกครองที่ต้อง "ตอบแทน" หรอก (ปล. ทีเสื้อแดงบางคนยังพูดเรือง "บุญคุณ" ทักษิณ ก็ควรเลิกพูดได้แล้วนะครับ เชย)

ที่เป็น "ความก้าวหน้า" ของสังคมมนุษย์ การวัดว่า สังคมไหน "โต" เป็น "ผู้ใหญ่" หรือ "บรรลุวุฒิภาวะ" มากขึ้น หรือมากกว่าสังคมอืน ก็คือวัดกันที่ว่า
ผู้ถูกปกครองสามารถเพิ่มอำนาจในการต่อรอง สามารถ ลดระดับ การ exploit หรือเอาเปรียบ เอาประโยชน์ นั้น ให้มันน้อยลงๆ ให้มันอยู่ในการควบคุม เปลี่ยนแปลง (รวมถึงเปลี่ยนตัวผู้ปกครองได้) มากขึ้นไหม .. ถ้าจะเรียกภาษาสมัยใหม่คือ เป็น "ประชาธิปไตย" มากขึ้นนั่นแหละ

สังคมไทยในไม่กีทศวรรษที่ผ่านมา

ภายใต้กระแส "เรารักในหลวง" ที่มีชนชั้นกลางในเมืองเป็นฐานสนับสนุน

 เป็นการผลักดันความก้าวหน้าสังคมให้ถอยหลังเข้าคลองมากขึ้นๆ คือ ทำให้ยิ่งย้อนกลับไปสู่การให้ถือว่าผู้ปกครองเป็นผู้มีบุญคุณมากขึ้นๆ (ถึงระดับสมมุติอย่างวิปริตว่าเป็น "พ่อ" ไปโน่นเลย)

No comments:

Post a Comment