Somsak Jeamteerasakul
กต.ไทย:"ในหลวงไม่เคยเลยที่จะเข้ายุ่งเกี่ยวในเรื่องการเมือง" - กต.คงลืม, ผมยก ตย.เดียวในอดีตให้: โปรดเกล้าให้ประภาสเข้าเฝ้า 2519
The fact must be set straight that, as a constitutional monarch, His Majesty is, my law and in practice above politics and has never overstepped his constitutional duties nor interfered in political matters.
ข้อเท็จจริงที่ต้องได้รับการทำให้ชัดแจ้ง คือ ในฐานะกษัตริย์ใต้รัฐธรรมนูญ, ทั้งในทางกฎหมายและในทางปฏิบัติ, ในหลวงทรงอยู่เหนือการเมือง และไม่เคยเลยที่จะทรงก้าวข้ามหน้าทีตามรัฐธรรมนูญ และไม่เคยเลยที่จะเข้ายุ่งเกี่ยวในเรื่องการเมือง
หนังสือ ประท้วงของกระทรวงการต่างประเทศไทย ต่อ แดน ริเวอร์ สำนักข่าวซีเอ็นเอ็น วันที่ 21 พฤษภาคม 2553 (ขอบคุณ คุณ Pedz Yukz และคุณ P-doubleok LeLapin)
https://www.facebook.com/photo.php?fbid=126053754087070&set=t.100000025133100&ref=nf
วัน ที่ 16 สิงหาคม 2519 ประภาส จารุเสถียร หรือ "ทรราชประภาส" ได้แอบลอบกลับเข้ามาในประเทศไทย นักศึกษาได้ก่อการประท้วงขึ้นทันที เรียกร้องให้รัฐบาลไล่ประภาสออกนอกประเทศหรือนำตัวมาลงโทษตามกฎหมาย ในฐานะผู้รับผิดชอบต่อการปราบปรามประชาชนเมื่อ 14 ตุลา 2516 จนทำให้มีผู้เสียชีวิตกว่า 70 คน พิการและบาดเจ็บอีกนับร้อย
หลัง จากชุมนุมครั้งแรกเมื่อวันที่ 17 สิงหาคม แล้ว, สองวันต่อมา นักศึกษาก็เริ่มการชุมนุมยืดเยื้อเรียกร้องให้เอาผิดประภาส โดยเริ่มชุมนุมที่สนามหลวง แล้วย้ายเข้าไปปักหลักในมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
การ ชุมนุมยืดเยื้อมาถึงวันที่ 21 สิงหาคม ในช่วงเย็น ระหว่างที่ขบวนของนักศึกษารามคำแหงเดินทางมาร่วมชุมนุม กลุ่มกระทิงแดง ได้ปาระเบิดและยิงปืนเข้าใส่ ที่บริเวณประตูมหาวิทยาลัยด้านหอประชุมใหญ่ ทำให้มีคนตาย 2 คน บาดเจ็บกว่า 30 คน
แต่ ผลจากการประท้วง และการเสียสละชีวิตและร่างกายของนักศึกษาและประชาชนนี้ ทำให้รัฐบาลสามารถไปเจรจาบีบให้ประภาส ยอมรับที่จะออกนอกประเทศไป ในวันต่อมา (เดิมประภาสอ้างว่า จะขออยู่ 7 วัน แล้วจะกลับออกไป) นายสุรินทร์ มาศดิษถ์ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ได้เปิดเผยต่อสื่อมวลชน ถึงการเจรจา ดังนี้
วันที่ 22 สิงหาคม 2523 ประภาส ได้เดินทางกลับออกนอกประเทศไปอีกครั้ง แต่สิ่งที่ไม่มีใครคาดคิดคือ ก่อนการเดินทางออกนอกประเทศ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ประภาส เข้าเฝ้า การได้เข้าเฝ้าครั้งนั้น เกิดขึั้น หลังจากรัฐบาลได้เจรจาจนประภาส ได้ยอมออกนอกประเทศแล้ว และก็เป็นการเข้าเฝ้าโดยประภาสคนเดียว ไม่มีตัวแทนรัฐบาลเข้าเฝ้าด้วย ดังนั้น จึงไม่ใช่เงื่อนไขที่ประภาสใช้มาต่อรองกับรัฐบาลในการยอมออกนอกประเทศ (รัฐบาลไม่มีความสามารถจะเอาราชสำนักมาต่อรองได้อยู่แล้ว) และไม่ใช่การพาเข้าเฝ้าของรัฐบาล พูดง่ายๆคือ เป็นเรื่องระหว่างราชสำนักกับประภาส ยิ่งกว่านั้น การเข้าเฝ้านี้ เกิดขึ้นเพียงไม่กี่ชั่วโมง หลังจากที่ผู้ประท้วงได้ถูกทำร้ายจนบาดเจ็บล้มตายหลายคน
ที่ "ประหลาด" คือ ในขณะที่ หนังสือพิมพ์อย่าง ไทยรัฐ พาดหัวเรื่องประภาสเข้าเฝ้่าก่อนเดินทางกลับ แต่กลับไม่มีกล่าวถึงเรื่องนี้เลยในเนื้อข่าว
เท่าที่ผมหาได้ มีแต่ ประชาชาติ ที่ทั้งพาดหัว และ "รายงานข่าว" สั้นๆ คือ เพียงเอาคำแถลงของสำนักพระราชวังมาลง ไม่กี่บรรทัด
การ ให้ประภาสเข้าเฝ้านี้ อาจจะดูเป็น "เรื่องเล็ก" แต่ถ้าคำนึงถึงสถานะของสถาบันกษัตริย์ในสังคมไทยและปริบทของสถานการณ์ที่ เกี่ยวข้อง นัยยะของการให้ประภาสเข้าเฝ้านี้ก็ใหญ่หลวงมาก เพียงแต่เราไม่มีเสรีภาพเต็มที่ในการอภิปรายเท่านั้น อย่างน้อยที่สุด ก็เห็นได้ชัดว่า "วาทกรรม" ที่เราได้ยินกันบ่อยๆเรื่อง "ในหลวงไม่เคยเลยที่จะเข้ายุ่งเกี่ยวในเรื่องการเมือง" ของกระทรวงการต่างประเทศ หน่วยงานรัฐอื่นๆ และราชสำนักเอง เป็นเรื่องไม่จริง ตรงกันข้าม ตลอดระยะเวลาอันยาวนาน ตั้งแต่ปลายปี 2494 เป็นต้นมา ถ้าจะหยิบยกมาอภิปรายกันได้เต็มที่จริงๆ มีเรื่องแบบนี้มากมาย กรณีประภาสเข้าเฝ้า เป็นเพียงตัวอย่างหนึ่งเท่านั้น
No comments:
Post a Comment